นายจิรายุ วสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อแผ่นดินได้เข้ามาร่วมรัฐบาล จะเสนอให้รัฐบาลใหม่ตั้งงบประมาณขาดดุลกลางปี 51 เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากแก้ว รวมถึงกระตุ้นการลงทุนต่างๆ ที่ให้ลงไปสู่ระดับชุมชนมากขึ้น
นายจิรายุ ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชื่อว่าการเพิ่มวงเงินขาดดุลงบประมาณอีก 1 แสนล้านบาทจะไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยการคลัง เพราะขณะนี้หนี้สาธารณะยังมีสัดส่วนอยู่ที่ 37% ต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ(GDP) ซึ่งหากเพิ่มวงเงินขาดดุลในระดับดังกล่าวก็จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นมาที่ประมาณ 40% ต่อ GDP ยังต่ำกว่ากรอบวินัยการคลังที่กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 50% ต่อ GDP เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะฉุดเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลก, ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะการเช็คบิลจากกลุ่มอำนาจเก่าที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน ทั้งนี้หากรัฐบาลชุดใหม่สามารถแก้ไขปัญหาในจุดนี้ได้ เชื่อว่าจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ถึง 5-6%
"หากไม่มีการเช็คบิล และมีการสร้างความสมานฉันท์ที่ดี ก็จะทำให้โครงการลงทุนต่างๆ ที่ค้างอยู่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดการลงทุนต่างๆ ตามมา ทำให้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้อย่างแน่นอน" นายจิรายุ กล่าวในงานสัมมนานโยบายเศรษฐกิจและสังคมภายใต้รัฐบาลพันทางจะไปไหวหรือไม่ ที่จัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.)
รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า หากมีความชัดเจนว่าพรรคเพื่อแผ่นดินได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน(พปช.) แล้ว คาดว่าหลังวันที่ 17 ม.ค.นี้ ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อแผ่นดินจะได้หารือกับทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชาชนว่าจะดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างไรให้มีความสอดคล้องกันและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายวีรชัย วงศ์บุญสิน กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ประเมินผลงานทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมทุก 1 ปี โดยให้ประชาชนทั่วประเทศลงความเห็นเหมือนกับทำประชามติ เพื่อพิจารณาปรับปรุงการบริหารงานให้เป็นที่พอใจของประชาชนว่าสมควรจะทำงานต่อหรือไม่
นอกจากนี้ รัฐบาลควรหามาตรการช่วยเหลือภาคเกษตรที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เปลี่ยนการประกันราคาพืชผลจากปัจจุบันที่รับประกันในปริมาณต่อตัน มาเป็นรับประกันต่อไร่ ซึ่งผู้ที่ทำงานมากหรือปลูกมากจะได้ค่าตอบแทนที่สูง ขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมพัฒนาการวิจัยด้านเทคโนโลยี เพราะจะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรไทยมีมูลค่ามากขึ้น
นายวีรชัย แนะว่า รัฐบาลใหม่ควรจะเพิ่มปริมาณวงเงินในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพราะหากวงเงินน้อยก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจภาพรวมมากนัก ขณะเดียวกันแต่ละโครงการไม่ควรใช้ระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนาน โดยอย่างน้อยไม่ควรเกิน 4 ปีของวาระการบริหารงานรัฐบาล ซึ่งหากดำเนินการได้เร็วรัฐบาลก็จะมีผลงานที่เป็นรูปธรรมได้มากเท่านั้น
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--