พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติเห็นชอบ 3 แนวทางปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อน มุ่งรักษาสิทธิเสรีภาพประชาชน ขจัดปัญหาเรื่องร้องเรียนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงประเด็นทุจริต ประพฤติมิชอบ ดังนี้
1.เรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการทุจริตและมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย กรณีคำร้องเรียนระบุชัดเจนว่าเป็นการทุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตั้งแต่ชั้นของการรับคำร้องไว้พิจารณา ส่วนกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเป็นการทุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป
กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินหยิบยกปัญหาความเดือดร้อนเสียหายขึ้นพิจารณา แล้วพบว่ามีปัญหาการทุจริตด้วย ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในส่วนของการทุจริต และดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในส่วนที่ขจัดความเดือดร้อนให้กับประชาชน
กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าเป็นเรื่องทุจริตแต่เป็นเรื่องที่มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการต่อไป
2. การเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันในการปฏิบัติหน้าที่ และการเชื่อมโยงระบบข้อมูล ให้มีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลร่วมกัน พร้อมตั้งคณะผู้ประสานงานด้านข้อมูลของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้ความรวดเร็วในการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น ระบบอิเล็กทรอนิกส์
3.การส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริต กำหนดแนวทางปฏิบัติการร่วมกันเกี่ยวกับการส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริตระหว่างองค์กรอิสระทุกองค์กร เช่น จัดโครงการรณรงค์ส่งเสริมธรรมาภิบาล และป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในพื้นที่ต่างๆ การจัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับภาคประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของภาครัฐในมิติต่างๆ
"การประชุมวันนี้ถือว่าเป็นหัวใจหลักสำคัญในการมุ่งขจัดความเดือดร้อนโดยกำหนดกรอบแนวปฏิบัติให้เกิดความชัดเจน และเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ร้องเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งรักษาสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน หากเรื่องไหนเป็นเรื่องทุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งประเด็นดังกล่าวให้ ป.ป.ช เพื่อใช้อำนาจและกฎหมายของ ป.ป.ช ในการนำไปสู่กระบวนการไต่สวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด ทุจริต และประพฤติมิชอบ ดำเนินการต่อไป ส่วนประเด็นใดที่ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความไม่เป็นธรรม และเป็นภาระเกินสมควรแก่เหตุ ผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสมในสภาวการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรตรวจสอบให้อำนวยประโยชน์แก่ประชาชนยิ่งขึ้น" พล.อ.วิทวัส กล่าว