นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมกันลงชื่อ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อถอดถอนและดำเนินการเอาผิด 5 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเสนอประธานรัฐสภา และเสนอประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระที่มีความเป็นกลางทางการเมืองและซื่อสัตย์สุจริต เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยหรือให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อ 5 ป.ป.ช. ดังกล่าวต่อไป
สืบเนื่องจากตามที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีไม่แสดงนาฬิกาหรูและแหวนประดับมีค่าที่สวมใส่ในโอกาสต่างๆ ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวตามสื่อมวลชนนั้น และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้วมีมติ 5 ต่อ 3 เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ แต่กลับไม่ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ตามที่กรรมการเสียงข้างน้อยเสนอ เพียงแต่ให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจำนวน 22 เรือน ต่อกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปนั้น
การใช้อำนาจของ 5 ป.ป.ช.ดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 234(1) คือ "ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง" ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยมิอาจปล่อยเว้นกรณีเช่นนี้ไปได้ และเชื่อว่าคนไทยทั้ง 66 ล้านคนก็คงยอมรับมิได้จากผลของการใช้อำนาจดังกล่าวของ 5 ป.ป.ช.