นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประเภทเงินนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้แก่ เงินสถาบันการเงินนำส่งเงินและเงินเพิ่ม
โดยกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มีอำนาจเรียกให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเป็นอัตราร้อยละไม่เกิน 0.001 ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครองตามอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่เมื่อรวมอัตราดังกล่าวกับอัตราที่กำหนดให้สถาบันการเงินต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามกฎหมายว่าด้วยปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง
กำหนดให้สถาบันการเงินใดไม่นำส่งเงินเข้ากองทุนหรือนำส่งไม่ครบภายในระยะเวลาที่กำหนด ต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราไม่เกินร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่ไม่นำส่ง หรือนำส่งไม่ครบ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด และให้สำนักงานมีอำนาจออกคำสั่งเรียกให้สถาบันการเงินนั้นชำระเงินดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพิ่มประเภทการใช้จ่ายของเงินกองทุนส่งเสริม SME ในส่วนของเงินที่สถาบันการเงินนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริม SME ให้ชัดเจน โดยกำหนดให้เงินที่สถาบันการเงินนำส่งดังกล่าวใช้จ่ายเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นลูกหนี้และมีปัญหากับสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ที่ประชุมครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... เป็นการปรับลดอัตราที่กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จากปัจจุบันที่กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง เป็นให้ลดอัตราเงินนำส่งลงเหลือร้อยละ 0.009 ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง
พร้อมทั้งรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
นายณัฐพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาถึงภาระของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งกระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ได้ส่งเงินเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก 1,280 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งออกมา 1 ใน 10 เข้ากองทุนเอสเอ็มอี คือ 128 ล้านบาทต่อปี และขณะที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากมียอดสะสม 123,544 ล้านบาท ดังนั้น จำนวนเงินก้อนนี้จะไม่เป็นภาระต่อสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และขณะเดียวกันผู้ฝากเงินก็ไม่ได้มีภาระอะไรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เงินที่ส่งเข้ากองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี จะสามารถนำไปใช้ฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอี ที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเท่านั้น