นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในเวทีพรรคการเมืองพบนักศึกษา-ประชาชน หัวข้อ "นโยบายพรรคการเมืองกับการแก้ปัญหาวิกฤตใต้" ซึ่งจัดโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อประชาธิปไตย และหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับเครือข่าย We Watch ว่า แนวทางที่จะทำให้ประชาธิปไตยในประเทศมีความยั่งยืน ประการแรกก็คือเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์มองเห็นว่าในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ มีการผูกขาด จะโดยภาครัฐ หรือโดยเอกชนก็ตาม และมีความเหลื่อมล้ำ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และในด้านกฎหมาย ปัจจัยนี้อันตรายอย่างมากต่อการรักษาประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นนโยบายของประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ว่าจะผ่านการปฏิรูประบบภาษี ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมไม่ให้มีการใช้อำนาจผูกขาดเอารัดเอาเปรียบในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการดูแลให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเสมอภาคอย่างแท้จริง เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีของสังคมประชาธิปไตย
ประการที่สอง รัฐธรรมนูญยังไม่เป็นประชาธิปไตย กติกาอีกหลายอย่างยังไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์จะผลักดันให้เกิดการแก้ไข แต่ในการที่จะทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืน ประชาธิปัตย์จะแสวงหาฉันทามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าความหวาดระแวง ความไม่วางใจในตัวนักการเมือง แม้กระทั่งคนที่มาจากการเลือกตั้งยังมีอยู่ ถ้าเราเพียงแต่พูด หยิบเงื่อนไขเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นปมของการเผชิญหน้าและความขัดแย้ง ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะได้ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น แต่ถ้าเราสร้างความเห็นร่วมกันว่าบทบัญญัติทั้งหลายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จะเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ จะเป็นเรื่องที่มากับอำนาจของวุฒิสภาที่ไม่สอดคล้องกัน จะเป็นกลไกการตรวจสอบซึ่งจะต้องมีความรับผิดชอบในตัวของตัวเองด้วย ให้ประชาชนไว้ใจ เรียกร้อง เรามีโอกาสที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยความเห็นชอบของวุฒิสภา ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นตามกติกาใหม่ที่เกิดขึ้น
"ถ้าเราเพียงแต่บอกว่าวันนี้เป็นการชิงอำนาจกันระหว่างกองทัพกับนักการเมือง แล้วบอกว่าจะรื้อ จะแก้รัฐธรรมนูญ โดยไม่มีหลักประกันว่าแก้ไขไปแล้วเป็นการเอื้อนักการเมือง ลดการตรวจสอบ ลดการคอร์รัปชันหรือไม่ ผมว่าเราก็ไม่ได้วางรากฐานเพื่อระบอบประชาธิปไตย ความท้าทายในวันนี้คือเราต้องช่วยกันทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืน และประชาธิปัตย์มีคำตอบ ประชาชนต้องเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องสุจริต" นายอภิสิทธิ์ กล่าว