นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ค้านแนวคิดในการเปลี่ยนเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดที่ดิน โดยระบุว่า นโยบายดังกล่าวจะเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดินอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น ผิดหลักการของการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร และสร้างปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจและการเมืองในระยะยาว ทั้งมิติความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ มิติทางด้านเสถียรภาพและความสมดุล เนื่องจากที่ดินเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดจะปล่อยให้ทุนนิยมเสรีหรือกลไกตลาดจัดสรรทรัพยากรอย่างเสรีโดยไม่บริหารจัดการหรือกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนโดยรวมไม่ได้
แม้นการให้ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นที่ดินเพื่อการเกษตรสามารถโอนกรรมสิทธิ์หรือซื้อขายได้อาจทำให้มูลค่าที่ดินเพิ่มสูงและราคาอาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในบางพื้นที่ถึง 10-15 เท่า โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ประชาชนและประเทศโดยรวมจะไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากจะก่อให้เกิดการเก็งกำไรที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ในบางพื้นที่อย่างหนัก เกษตรกรจะสูญเสียสิทธิในการถือครองที่ดินและความสามารถในเข้าถึงทรัพยากรที่ดิน การเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 จากที่ดินเพื่อการเกษตรเป็นพื้นที่ในการสร้างโรงงาน สร้างโรงแรม รีสอร์ต สร้างบ้านจัดสรร สร้างตึกแถว สร้างศูนย์การค้า หรือเอาไปพัฒนาหากำไรอื่นๆ เหมือนโฉนดที่ดิน อาจทำให้ผู้มีอำนาจรัฐแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบจากที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จำนวน 35 ล้านไร่จากนโยบายโฉนดทองคำได้ และจะทำให้อำนาจทุนขนาดใหญ่บวกอำนาจรัฐเข้าถือครองที่ดินอย่างไม่จำกัด จะสร้างความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง ที่ดินจำนวนหนึ่งอาจถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า เพราะรัฐครอบครองโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือนายทุนถือครองเพื่อเก็งกำไร ในที่สุดที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จำนวน 35 ล้านไร่จะตกอยู่ในมือของกลุ่มทุน ขณะที่เกษตรกรจะไร้ที่ทำกินหรือต้องเช่าที่ดินอันเป็นเหตุให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ต่างๆ หากต้องการเปิดช่องให้มีการเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เป็นที่ดินที่ใช้ในกิจการอื่นนอกเหนือการเกษตรกรรมและต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ ต้องมีคณะกรรมการกำกับดูแลและพิจารณาเป็นรายกรณีไม่ใช่เปิดกว้างโดยทั่วไปตามแบบนโยบายโฉนดทองคำ ปัญหาการตะครุบที่ดิน (land grabbing) จะเพิ่มขึ้นจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในประเทศและต่างชาติโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหลาย ระบบข้อมูลการถือครองที่ดินที่ไม่ชัดเจนและแปลงที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ให้ซื้อขายได้เพื่อกิจการอื่นๆ จะทำให้ปัญหาการตะครุบที่ดินรุนแรงมากขึ้นในอนาคต การเพิ่มมูลค่าที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ควรทำให้เอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไปได้นอกเหนือจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ
นายอนุสรณ์ ได้เสนอแนะแนวทางในการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรว่า ข้อแรก ต้องรักษาหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมทั้งสนับสนุนการทำงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามมาตรา 81 ของกฎหมาย ส.ป.ก.ความว่า "ให้รัฐพึงส่งเสริมให้เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์ และสิทธิในที่ดิน เพื่อประกอบเกษตรกรรมอย่างทั่วถึง โดยการปฏิรูปที่ดิน และวิธีการอื่นๆ" ส.ป.ก.4-01 เป็นดอกผลของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และแลกมาด้วยการต่อสู้เรียกร้องขององค์กรภาคประชาชนและขบวนการนิสิตนักศึกษา รวมทั้งแลกมาด้วยชีวิตเลือดเนื้อของผู้นำชาวนา ผู้นำสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยถูกลอบสังหารหลายคนในช่วงปี พ.ศ.2518 ในระหว่างการเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและกฎหมาย ส.ป.ก.
ข้อสอง เสนอให้มีการจัดตั้งธนาคารที่ดิน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังจะสูญเสียที่ดินทำกิน หรืออยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องที่จะยึดทรัพย์ หรือ จัดสรรเงินทุนซื้อที่ดินมาแจกจ่ายให้กับเกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีที่ดินทำกิน
ข้อสาม กำหนดการคุ้มครองที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กำหนดเขตการใช้ที่ดินและแผนการใช้ที่ดินเพื่อให้เกิดความสมดุล ข้อสี่ ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดเพดานการถือครองที่ดินที่เหมาะสมโดยไม่กระทบต่อการทำเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือเกษตรพันธะสัญญา ข้อห้า การปฏิรูประบบข้อมูลที่ดินทั้งหมดรวมทั้งที่ดินเพื่อการเกษตร
"ปัญหาความเหลื่อมล้ำของการถือครองทรัพย์สินและความมั่งคั่งยังคงรุนแรงขึ้นในไทย ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นมีมากโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ประกอบการและเจ้าของทุน กับแรงงานรับจ้างทั่วไปและเกษตรกรรายย่อยปราศจากที่ดินทำกิน มหาเศรษฐี 100 อันดับแรกของไทยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยของประเทศทรัพย์สินและความมั่งคั่งไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยและหนี้สินต่อครัวเรือนกลับเพิ่มขึ้นอีกด้วยในภาวะทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เกษตรกรจำนวนไม่น้อยสูญเสียที่ดินหลักประกันเนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้ได้" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สภาวะความเหลื่อมล้ำอย่างมากในการถือครองที่ดินได้ทำลายศักยภาพของภาคเกษตรกรรมของไทย คนไทยส่วนใหญ่ขาดโอกาส ขาดสิทธิ ขาดรายได้และไร้ซึ่งทรัพย์สินและการเข้าถึงปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะที่ดิน ทำให้ระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอลง การแทรกแซงโดยรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาการกระจุกตัวของการถือครองที่ดินภายใต้เจตจำนงสาธารณะเพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมและประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศและเสถียรภาพของสังคมไทย