พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ในช่วงนี้สถานการณ์รุนแรงขึ้นว่า ได้กำชับทุกฝ่ายให้เฝ้าระวังในจุดอ่อนไหวที่เป็นพื้นที่เสี่ยง ทั้งวัด โรงเรียน พื้นที่ประกอบการธุรกิจ และหน่วยที่ตั้งทหารในพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีความเข้มงวดในมาตรการด้านการข่าว ควบคู่กับการระมัดระวังตัวเองโดยประชาชนในพื้นที่จะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย เนื่องจากบางครั้งการออกมาตรการต่างๆ มาก็ปฏิบัติได้ยาก เพราะประชาชนบางส่วนที่ไม่เดือดร้อนก็เกรงว่าจะกระทบกับสิทธิบางอย่าง
นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากเรื่องใด จะมาจากเสถียรภาพทางการเมือง หรือเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีหลายกลุ่มหลายฝ่ายด้วยกันเพื่อยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น จึงขออย่าไปขยายความในเรื่องนี้ และต้องหามาตรการทั้งทางกฎหมายและการพูดคุยสันติสุข เพื่อให้ต่างประเทศเห็นว่า ไทยไม่ได้ใช้ความรุนแรงเพียงอย่างเดียว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและไม่ได้นิ่งนอนใจ และเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของคความขัดแย้งทางศาสนา ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ที่เดินทางลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา โดยขออย่าตื่นตระหนกและอย่าทำสิ่งใดๆที่นำไปสู่จุดมุ่งหมายที่กลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการ
"สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่เป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนาหรอก เพราะทางโอไอซีและผู้แทนก็มาเยี่ยมเยือนหลายครั้ง ไปดูในพื้นที่ภาคใต้ ไปดูการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ ไปสอบถามประชาชนในพื้นที่ เขาก็บอกว่าไม่ใช่ความขัดแย้ง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว