ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตลาดดอนหวาย จ.นครปฐมว่า พรรคฯ กำลังจะประชุมคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกผู้สมัคร ซึ่งจะชัดเจนในอีก 2 -3 วันจากนี้ โดยเห็นว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องได้ ส.ส.รวมกันอย่างน้อย 376 ที่นั่งเพื่อจะได้ไม่ต้องมีข้อกังวลใดๆทั้งสิ้นต่อกระบวนการที่ผู้มีอำนาจเตรียมการไว้ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะทวงสิทธิเสรีภาพและความกินดีอยู่ดีที่ถูกลิดรอนไปกลับคืนมาได้ผ่านการเลือกตั้งให้ได้รัฐบาลที่มาจากประชาชนเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ
พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ หรือมีจุดยืนประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ และยืนยันว่าไม่ใช่การเรียกร้องให้เกิดความขัดแย้ง แต่เป็นการแสดงว่าทิศทางประเทศจะไปทางไหน
"ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองถูกปิดกันไม่ให้สื่อสารกับประชาชน ซึ่งวันนี้คนไทยเจอปัญหาหลากหลายในแต่ละพื้นที่ แต่ที่เหมือนกันทั่วประเทศคือปัญหาเศรษฐกิจและราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยยืนยันว่า ปัญหาที่เผชิญอยู่สามารถแก้ไขได้ หากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ใส่ใจประชาชน ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติด้วย และแม้ว่าการเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ แต่อยากให้ประชาชนเตรียมพร้อมในการใช้สิทธิ์"
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงและกรรมการบริหาร ทษช. เปิดเผยว่า พรรคจะลงพื้นที่ต่อเนื่องทุกภาคของประเทศหลังจากนี้ และเชื่อว่าประชาชน รวมถึงคนปักษ์ใต้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างดีโดยแนวทางของพรรคไทยรักษาชาติพร้อมจะเผชิญหน้ากับเผด็จการทุกรูปแบบและก็พร้อมที่จะทำงานกับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย
นายณัฐวุฒิ ยังเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฏิบัติหน้าที่ให้โปร่งใส ตรงไปตรงมา ด้วยความเป็นธรรมและมีความเป็นอิสระ โดยเฉพาะการตรวจสอบนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เดินทางไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต่างประเทศว่าเข้าข่ายการถูกครอบงำหรือไม่ ซึ่งปกติควรปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกพรรคการเมือง โดยเทียบเคียงกับพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศตลอดมาว่า นโยบายและผลงานของรัฐบาลก็คือนโยบายพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงการสนับสนุนผู้มีอำนาจอย่างโจ่งแจ้ง
ยณัฐวุฒิ ตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะเช่นนี้เป็นยิ่งกว่าการครอบงำ เพราะคือการครอบครองโดยคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหรือไม่ ดังนั้น กกต.ต้องเตือนตัวเองให้มากและตระหนักว่าประชาชนรู้เท่าทันและต้องการความชัดเจนการปฏิบัติจาก กกต.ด้วย