รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษาประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.นายอุตตมะ สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ นายอุตตมะ ตอบคำถามถึงกรณี 4 รัฐมนตรีที่ประกาศตัวเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐว่า ขอให้รอความชัดเจน 4 รัฐมนตรีที่จะลาออกหลังจากนี้
ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายอนุชา นาคาศัย ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคกลาง และนายเอกราช ช่างเหลา กรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งจังหวัดขอนแก่น ทำกิจกรรมลงพื้นที่ภาคอีสาน ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้ง 5 เขต คือ นายฉลอง ฆารเลิศ เขต 1 นายชานุวัฒน์ วรามิตร เขต 2 นายจำลอง ภูนวนทา เขต 3 ดร.สิทธิศักดิ์ พัฒนชัย เขต 4 และนายนิพนธ์ ศรีธเรศ เขต 5
นายสมศักดิ์ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้กำหนดนโยบายโคบาลประชารัฐที่จะทำให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะภาคอีสาน แต่ยอมรับว่าคงไม่สามารถแจกวัวพร้อมกันทั่วประเทศได้ เพราะต้องใช้เวลาในการจัดหาแม่พันธุ์วัว จึงต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าประชาชนจะสามารถทำเป็นอาชีพเสริม และพัฒนาเป็นอาชีพหลักได้
ด้านนายสุริยะ ระบุ เวลานี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ความยากจน จากความวุ่นวายที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อปากท้องของประชาชน โดยแนวคิดนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นการช่วยเหลือประชาชนและถ้าเลือกพลังประชารัฐ ก็จะทำทุกทางในการพักหนี้ให้ประชาชน 3 ปี โดยไม่เสียดอกเบี้ย
หลังจากนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน 3 วันที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชน ทำให้เห็นได้ชัดว่าคะแนนนิยมดีค่อนข้างมาก สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐต้องทำคือ เสนอนโยบายที่ดีกว่าพรรคเพื่อไทยที่ครองฐานเสียงส่วนใหญ่ในภาคอีสาน และสามารถตอบสนองชาวอีสานได้ดีกว่า
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการประเมินว่าพลังประชารัฐอาจไม่ได้เสียง ส.ส.ตามที่ตั้งเป้าไว้ นายสุริยะ กล่าวว่า การที่มีคนมาประเมิน ทำให้ต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร ต้องลงพื้นที่ และอธิบายประชาชนว่าพรรคพลังประชารัฐสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างไร ซึ่งถือเป็นการเตือนให้ต้องทำงานหนักขึ้นและไม่ประมาท