นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลัง เข้าหารือกับนายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีว่า ที่ผ่านมา กกต.ได้ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่องการวางตัวของข้าราชการในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งมติต่าง ๆ จะไปผูกโยงกับระเบียบปฏิบัติในปีเก่า ๆ จำนวนมาก ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ทำให้ผู้ปฏิบัติจะต้องไปเปิดดูเอกสารหลายฉบับ
ดังนั้นจึงเห็นว่าควรจะมีการยกร่างระเบียบปฏิบัติขึ้นมาใหม่ โดยนำข้อมูลจากของเก่ามาปรับใช้ และจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยระเบียบที่จะยกร่างขึ้นมาใหม่ เช่น การวางตัวเป็นกลางของข้าราชการ และการให้การสนับสนุน กกต.ตามที่ กกต.ร้องขอ รวมถึงการติดป้ายหาเสียงตามที่ กกต.กำหนด ขอให้ส่วนราชการติดตั้งกระดานไม้อัด เพื่อรองรับการติดโปสเตอร์ของพรรคการเมืองต่าง ๆ ซึ่ง มติครม.ที่จะออกมาจะมีส่วนให้ข้าราชการเกิดความสบายใจในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่สังคมมีข้อสงสัย อาทิ เรื่องการวางตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หากตอบรับในบัญชีเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมถึงการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ และการใช้สื่อโซเซียลมีเดียของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องที่นายวิษณุ กำลังหารือ โดยทาง กกต. ยังไม่ได้พิจารณาในส่วนนี้
ทั้งนี้ หากพล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่าทางพรรคไม่ต้องระมัดระวังเรื่องใดเป็นพิเศษ เพียงแต่อย่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้บรรยากาศทางการเลือกตั้งเป็นไปด้วยดี พรรคการเมืองสามารถหาเสียงได้ เพื่อหาคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคตนเอง โดยไม่ให้กระทบพาดพิงบุคคลอื่น แต่ทั้งนี้ หากพบว่ามีผู้สมัครกระทำการทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ก็สามารถยื่นเรื่องมายัง กกต.เพื่อพิจารณาได้
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 5 ก.พ.สัปดาห์หน้า จะมีการเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ในการให้ข้าราชวางตัวเป็นกลาง และสนับสนุนการเลือกตั้ง รวมถึงการใช้พื้นที่ทางราชการในการประชาสัมพันธ์ การหาเสียงของพรรคการเมือง
สำหรับประเด็นการวางตัวทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ หากตอบรับเทียบเชิญเป็นบัญชีนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ นายวิษณุได้ย้ำว่าในทางกฏหมาย การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร หรือ การลงพื้นที่พบปะประชาชนสามารถทำได้ตามปกติ แต่ทั้งนี้ต้องดูถึงความเหมาะสม และรายละเอียดที่อาจจะอ่อนไหวได้ เช่น การพูดนโยบายของพรรคการเมือง ที่ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล ดังนั้นก็จะมีความระมัดระวัง เพราะบางครั้งอาจเป็นการให้คุณให้โทษ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 78 และ 79 ได้ เช่น การรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ก็ดูเป็นกรณีไป รวมถึงจะต้องไม่พูดหรือกล่าวให้ร้ายและกระทบพรรคการเมืองอื่น แต่การอนุมัติโยกย้ายข้าราชการยังเป็นไปตามปกติ
ส่วนอินสตราแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีจะหยุดโพสต์ข้อความชั่วคราวจนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้สุ่มเสี่ยงทำผิดกฏหมายและเกิดไม่เหมาะสม โดยจะมีการแจ้งเรื่องนี้ไปยัง กกต.ให้รับทราบด้วย หากนายกรัฐมนตรี ตอบรับนั่งบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐก็จะไม่มีการโพสต์ทันที แต่ไม่สามารถปิดกั้นคอมเม้นท์ประชาชนมาแสดงความเห็นจากสิ่งที่โพสต์ในครั้งอดีตได้
ขณะที่การจัดรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทุกคืนวันศุกร์ยังสามารถทำได้ แต่นายกรัฐมนตรีก็ต้องระมัดระวังในการพูด รวมถึงการให้สัมภาษณ์กับสื่อ
นายพุทธิพงษ์ ยังเปิดเผยถึงการที่นายกรัฐมนตรี จะพูดคุยกับพรรคการเมืองที่ตัวเองตอบรับในบัญชีนายกรัฐมนตรีว่า สามารถทำได้นอกเวลาราชการ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องปกติที่จะพูดคุยกับคนอื่น และไม่มีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรี จะต้องเข้าร่วมการประชุมพรรค เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พร้อมกันนี้ พรรคพลังประชารัฐ ต้องมีความระมัดระวังในการที่จะกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต้องแยกระหว่างนโยบายของรัฐบาลและของพรรคออกจากกัน ส่วนการนำรูปไปใช้ในการหาเสียงนั้นสามารถทำได้