(เพิ่มเติม) "หมอเลี้ยบ"พร้อมหากได้นั่งคลัง,ดันลดดอกเบี้ย-เร่งลงทุน-ฟื้นเชื่อมั่น

          น.พ.สุรพงศ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า มีความพร้อมหากได้รับเลือกจากพรรคให้รับตำแหน่งรมว.คลัง โดยยอมรับว่ามีผู้เสนอชื่อให้เข้ามานั่งเก้าอี้ดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะมีข้อสรุปผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะรัฐมนตรี เนื่องจากจะมีการหารือหลังจากได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะทูลเกล้าฯ เสนอรายชื่อแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า 
          "ถ้าได้รับมอบหมาย ถึงเวลาที่ต้องรับผิดชอบ ผมก็พร้อม เชื่อว่าทำงานได้ ถึงจะมีคนสบประมาทก็ไม่มีปัญหา ในสมัยที่ทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคเมื่อครั้งเป็นรมว.สาธารณสุขก็ยังผ่านมาได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำงานคนเดียว มีทีมงานที่ช่วยอยู่"น.พ.สุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์รายการ"จับเข่าคุย"เมื่อคืนนี้
          เลขาธิการ พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ได้มีการทาบทามคนนอกเข้ามาทำงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจ โดยอาจจะเข้ามารับตำแหน่งรมว.คลัง หรือ รมช.คลัง 
          แต่ยอมรับว่าตำแหน่งรมว.คลังหาคนเข้ามารับหน้าที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านกฎหมายที่ห้ามรับตำแหน่งในสถาบันการเงินหรือบริษัทเอกชนหลังจากที่พ้นตำแหน่ง และบรรยากาศทางการเมืองก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถไม่ต้องการเข้ามาเปลืองตัว หรือกลัวว่าจะถูกเช็คบิลทีหลัง
          น.พ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า พรรคมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะเข้ามาเร่งรัดทำงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 6 เดือน โดยยอมรับว่าปัญหาขณะนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบมาจากภายนอกเป็นหลัก ทั้งปัญหาซับไพร์ม ราคาน้ำมัน และ ค่าเงินหยวน ขณะที่ในประเทศ ค่าเงินบาทยังมีปัญหา การส่งออกยังไม่ชัดเจนว่าจะเติบโตได้มากน้อยเพียงใด 
          แนวทางที่จะมีการผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว คือการเร่งรัดการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า 9 เส้นทางตามแนวทางของพรรค ซึ่งจะต้องเปิดประมูลทั้งหมดภายในปีนี้ การฟื้นความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและนักลงทุนต่างชาติเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและการลงทุน กระตุ้นรายได้ประชาชนฟื้นสินค้า OTOP ให้กลับมาคึกคัก จัดกิจกรรมด้านท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ และ เร่งพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
          นอกจากนั้น ยังมีความเห็นว่า ควรจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศลง เนื่องจากเป็นภาระด้านต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ ซึ่งหากดอกเบี้ยลดลงก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้ง หากดอกเบี้ยในประเทศสูง จะทำให้มีเงินจากต่างประเทศไหลเข้ามาหาประโยชน์ ก็จะมีผลกดดันค่าเงินบาท 
          น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า หากได้รับมอบหมายให้เป็นรมว.คลัง ก็จะหารือเรื่องดังกล่าวกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยส่วนตัวมีความเห็นว่าผู้ที่จะมาเป็นรมว.คลัง ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค เพราะในกระทรวงการคลังหรือธปท.ก็มีผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากมายที่สามารถเสนอแนวความเห็นต่าง ๆ ได้ แต่ที่สำคัญคือเราต้องการผู้ที่มาตัดสินใจเดินหน้างานต่าง ๆ พร้อมรับผิดชอบ และสามารถสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมได้ 
          น.พ.สุรพงษ์ ยังกล่าวยอมรับว่ามีแนวคิดจะขอคำปรึกษางานด้านเศรษฐกิจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากมีช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่มีความคิดนอกกรอบในการคิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
         "ถ้ามีโอกาสและเวลาที่เหมาะสมก็จะขอคำปรึกษางานด้านเศรษฐกิจจากอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะหลายครั้งที่ทำงานร่วมกันได้เห็นว่าท่านมีความคิดนอกกรอบที่นำมาใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ"น.พ.สุรพงษ์ กล่าว