นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้เน้นการอธิบายนโยบายเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากเดิมที่พูดภาพรวม อาทิ จังหวัดพิจิตร เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ จะเน้นนโยบายในเรื่องของข้าวและที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ รวมถึงสปก. ซึ่งหลังจากนำเสนอ กระแสนิยมที่ดูจากสายตาของประชาชนนั้นชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก มีที่ดินป่าสงวนและสปก. จึงเน้นจัดสรรที่ดินเพื่อทำการเกษตรให้ประชาชน ทำให้ประชาชนชอบใจ นอกจากนี้ ยังแถมนโยบายโคบาลประชารัฐ ขณะที่จังหวัดสุโขทัย ที่ดินส่วนใหญ่ขาดแคลนเรื่องของน้ำ จึงมีการเสนอเรื่องของการผันน้ำ
สำหรับในภาพรวมของการลงพื้นที่ 3 จังหวัด ได้รับการตอบรับจากประชาชน ทำให้ส่วนตัวรู้สึกไม่หนักใจ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ที่นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุโขทัย และเป็นน้องสาวของตนได้ลาออกจากตำแหน่งนั้น ก็มีค่าเท่ากัน โดยนายกอบจ.มีความต้องการลาออกมาเป็นเดือนแล้ว เนื่องจากไม่อยากทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นคนรักษาภาพ ขณะเดียวกันในพื้นที่เขต 1 ก็จะมีนางพรรณสิริ เป็นผู้ลงสมัครส.ส.ของพรรคนั้นก็มั่นใจว่า ในสังคมเมืองที่พรรคการเมืองอื่นได้คะแนนเสียงดีจะเปลี่ยนไป เพราะคนในชุมชนเมืองรับนางพรรณสิริได้ดี เนื่องจากเป็นคนขยัน เป็นนักวิชาการ ส่วนในชนบท เป็นความนิยมในครอบครัวของตนเอง ซึ่งคิดว่าจังหวัดสุโขทัยน่าจะมีโอกาสปักธงหลายเขต
ทั้งนี้ การหาเสียงหลังจากที่ได้มีการเปิดนโยบายของพรรคไปแล้วนั้น เชื่อว่านโยบายจากส่วนกลางช่วยผู้สมัครได้จำนวนมาก เพราะประชาชนต้องการตัวบุคคล 40-50% และนโยบายพรรค 50-60%