ตัวแทน 4 พรรคการเมืองใหญ่ พลังประชารัฐ-เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-อนาคตใหม่ ร่วมเสวนา"ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย"นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ประเด็นฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องใหม่และเกิดขึ้นทุกปีโดยเฉพาะช่วงนี้จากหลายปัจจัย อาทิ รถยนต์ การก่อสร้าง และการเผาสินค้าเกษตร ซึ่งต้องมีมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยการบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญ ได้แก่ ห้ามใช้รถที่มีควันดำ ปิดโรงงานรอบกรุงเทพมหานครที่มีมลพิษเกินค่ามาตรฐาน เข้มงวดด้านการก่อสร้าง หรือมาตรการอื่นที่สามารถทำได้
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลมีการร่วมกับกองทัพในการทดลองนำโดรนมาใช้ฉีดน้ำขนาด 10 ไมครอน ผสมสารลดความตึงของพื้นผิว (anti-surfactant) ที่ไม่เป็นพิษเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น ซึ่งโดรนมีข้อจำกัดด้านความจุ แต่มีการใช้โดรนจำนวนกว่า 40-100 ตัว ซึ่งต้องระวังอันตรายจากการชนกันเนื่องจากคลื่นสัญญาณรบกวน อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายมาตรการที่ทำการทดลองเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับรัฐบาลสำหรับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทั้ง ๆ ที่พรรคได้มีการแถลงข้อเสนอมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวในช่วงที่ผ่านมา โดยพรรคเสนอให้อนุญาตนำเข้าหน้ากากอนามัยได้โดยไม่เสียภาษีและดูแลให้ไม่เกิดการเอาเปรียบด้านราคา รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับควันดำให้เคร่งครัดมากขึ้น และการให้ข้อมูลโดยมีการตรวจสอบตามความจริง
อย่างไรก็ดี ต้องติดตามหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นและมีมาตรการบังคับใช้ทันที อาทิ การติดตั้งเครื่องวัดในระบบขนส่งมวลชน, ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และปรับระบบการเก็บภาษีสำหรับรถยนต์อื่น ๆ และมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน รวมถึงปรับปรุงแผนพลังงานและควบคุมภาคเกษตร
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ต้องแก้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับแหล่งกำเนิด PM 2.5 ทั้งในเชิงประเภทของแหล่งกำเนิดและในเชิงภูมิศาสตร์ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวที่สามารถทำได้ทันที คือนโยบายรับหลักเกณฑ์มลพิษยูโร 5 การบังคับใช้มาตรการให้รถขนส่งมวลชนในกรุงเทพเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการภายในประเทศเพื่อนำไปสร้างอุตสาหกรรมใหม่ได้
นอกจากนี้ มองว่าเมื่อเกิดปัญหา ผู้นำประเทศจะต้องนั่งหัวโต๊ะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรุงเทพมหานคร เพราะต้องใช้อำนาจสั่งการแบบเบ็ดเสร็จให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน ไม่ใช่ให้ระดับผู้อำนวยการเขตไปรับผิดชอบ โดยเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอในการแก้ไขปัญหาได้
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย มองว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญเรื่องหน้ากากอนามัยเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะอาชีพที่มีความเสี่ยงได้รับฝุ่นเป็นประจำควรได้รับหน้ากากอนามัยที่มีมาตรฐาน และควรบอกความจริงกับประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพระยะยาว และถึงวิธีการป้องกันตนเองด้วย
และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด อาทิ ห้ามใช้รถยนต์ปล่อยควันดำ แต่ปัจจุบันยังมีความไม่พร้อมเรื่องเครื่องตรวจจับมลพิษและมีการปล่อยปละละเลยการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนในระยะยาว พรรคตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 65 จะสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ รวมถึงสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มทดแทน เช่น E20 อย่างเป็นรูปธรรม
https://youtu.be/IqL7kkVXVRs