นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แถลงว่า พรรคตัดสินใจงดกิจกรรมปราศรัยใหญ่ในระหว่างนี้ออกไปก่อนเพื่อไม่ให้มีปัญหาแทรกซ้อน ขณะที่การดำเนินการในขั้นตอนต่อไปต้องไปว่ากันในศาลรัฐธรรมนูญ
"เราจะงดกิจกรรมในส่วนที่จะพบปะประชาชนจำนวนมาก เพื่อให้ทุกอย่างไม่มีปัญหาแทรกซ้อน" นายจาตุรนต์ กล่าว
ส่วนการดำเนินการในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญนั้น หากมีโอกาสหรือช่องทางใดที่จะชี้แจงยืนยันความมีเจตนาดีในการดำเนินการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีที่พรรคจะสนับสนุนนั้น กรรมการบริหาพรรรคก็พร้อมจะเข้าไปมีส่วนและเต็มใจแก้ปัญหาของพรรคไปจนถึงที่สุด
"ไม่ทราบว่ากระบวนการจะใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ก็จะร่วมกันไปถึงที่สุด"นายจาตุรนต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการพบปะชี้แจงประชาชน ยังเป็นสิทธิของผู้สมัครแต่ละคนตามปกติ ตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้าม
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เมื่อพรรคกำลังเผชิญปัญหาเราต้องร่วมกันคิดเพื่อแก้ไขอย่างเต็มความสามารถ เราติดตามสถานการณ์โดยตลอดตั้งแต่มีการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในนามพรรคด้วยความห่วงใย จากการรับฟังการแถลงของกรรมการบริหารหลายครั้งหลังวันที่ 8 ก.พ. เห็นว่าทุกคนมีเจตนาดีทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นที่ศาลกำลังจะพิจารณาจะรับเรื่องยุบพรรคหรือไม่นั้น และดูจากข้อกล่าวหาที่บอกเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อเรื่องกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล เราจึงต้องรอการพิจารณาของศาลก่อน
สำหรับการหยุดรณรงค์หาเสียงจะกระทบต่อความนิยมของพรรคหรือไม่นั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เราดูเรื่องความเหมาะสมของสถานการณ์ ถ้าดูจากข้อกล่าวหาประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การดำเนินการในลักษณะที่ต้องปราศรัยพบกับคนจำนวนมากไม่น่าจะเป็นผลดี และเราน่าจะต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมการชี้แจงในกระบวนการ และขั้นตอนในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า สิ่งที่พรรคชี้แจงรณรงค์กับประชาชนตลอดช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นความเข้าใจต่อประชาชน
"การประกาศยุติการปราศรัยเวทีใหญ่นั้นไม่ใช่มติของพรรค แต่เป็นมติของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ปัดพรรคไม่มีรอยร้าว และยืนยันว่าเราพร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหาไปจนถึงที่สุด... การจะหยุดจากนี้จึงไม่น่าจะเสียหายอะไร ในระหว่างนี้เราจะเลือกใช้วิธีชี้แจงในกระบวนการยุติธรรม การพูดคุยชี้แจงกับประชาชนจะเกิดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีข้อยุติตัดสินแล้วเราจะไม่ใช้วิธีชี้แจงกับประชาชนระหว่างการพิจารณา"
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณงค์หาเสียง พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ในส่วนของผู้สมัครส.ส.ของพรรคที่ลงสมัคร 100 กว่าเขตยังคงมีสถานะเป็นผู้สมัคร มีพันธะผูกพันต้องทำงานให้กับประชาชน ต้องเดินหน้าพบปะประชาชนต่อไป เพียงแต่ทีมรณรงค์หาเสียงจากส่วนกลางจะยุติภารกิจ เพื่อรอให้สถานการณ์เดินไปจนได้ข้อสรุปจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน
"ขอยืนหยัดอยู่กับพรรคจนกว่าสถานการณ์จะได้ข้อยุติ ไม่ว่าจะในทางใดก็ตามสถานะความเป็นความสมาชิกพรรค ตนไม่สามารถที่จะทิ้งไปได้"