นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศว่ามีผู้สมัคร ส.ส.ขาดคุณสมบัติ 504 คนว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของ กกต.ในการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งในวันรับสมัครนั้นอาจไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตรวจสอบให้ละเอียด แต่ได้นำกลับมาตรวจภายหลังแล้วพบจึงต้องประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่มีคุณสมบัติครบ และประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติ และถูกตัดสิทธิ ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ
สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติ สามารถร้องต่อศาลฎีกาพร้อมนำหลักฐานไปชี้แจงให้ศาลพิจารณาคุณสมบัติอีกครั้งได้ ซึ่งการพิจารณานี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุดตามที่กฎหมายกำหนด โดยผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตต้องร้องด้วยตนเอง แต่แบบบัญชีรายชื่อ ทางพรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ร้อง หากไม่ร้องก็จะถือว่าถูกตัดสิทธิ์และต้องขยับลำดับในบัญชีรายชื่ออื่นๆขึ้นมาแทน และสามารถนำหลักฐานไปแสดงต่อศาลได้เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหา อาทิ หากเคยต้องโทษก็ชี้แจงได้ เพราะทุกกรณีไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
"ส่วนตัวเชื่อว่า จะไม่สร้างความสับสนหรือปัญหาใดให้กับประชาชน เพราะกกต.ได้เร่งวินิจฉัยแล้ว และเชื่อว่าศาลฎีกาก็จะพิจารณาได้รวดเร็วเช่นกัน" นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ได้เคยเตือนตั้งแต่แรกแล้วว่าให้เตรียมเอกสารให้พร้อม เพราะบางคนคุณสมบัติครบแต่หลักฐานไม่ครบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพียงแต่ครั้งนี้มีผู้สมัครจำนวนมาก
ส่วนกรณีที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพจะร้อง กกต.ให้มีการยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค เหตุครอบงำพรรค ใช้ตำแหน่งทรัพยากรรัฐให้คุณโทษผู้สมัคร เป็นปฏิปักษ์การปกครองประชาธิปไตยว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องของพรรค