นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่พรรคจะปักธงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า เท่าที่ประเมินพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.กว่า 20 คนขึ้นไป โดยเชื่อว่า ส.ส.เดิมจะรักษาพื้นที่ไว้ได้ เพราะอยู่กับประชาชน อยู่ติดกับพื้นที่เลือกตั้งมาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทุกคนทำงานมาตลอด ไม่เคยปล่อยพื้นที่เลย อีกทั้งพรรคยังส่งผู้สมัครหน้าใหม่ที่คิดว่าก็มีการคัดมา นำคนที่มีความตั้งใจเข้ามา ก็มีโอกาสสูงที่น่าจะนำชัยชนะมาให้กับพรรคได้ในเขตเดิมที่เราไม่มี ส.ส. เช่น เขตสายไหม-มีนบุรี รวมถึงเขตเลือกตั้งเดิมที่พรรคเคยมี ส.ส. แต่ได้นำผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่จากกลุ่ม New Dem เข้ามาแทนในอีก 3 เขต ที่เป็นเขตซึ่งน่าจะมีโอกาส ทำให้โดยภาพรวมเชื่อว่าไม่เกินความจริงคือ 20 คนขึ้นไป
ส่วนกรณีที่มีบางพรรคใช้วิธีส่งคนลงสมัครแบบแยกเขตแยกพรรคที่มองเป็นการฮั้วกันนั้น รองหัวพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สุดแล้วแต่ว่าพรรคไหนจะมีแนวทางเป็นอย่างไร พรรคฯ จะไม่ไปดิสเครดิตหรือไปกังวลใจกับใคร แต่จะมองที่พรรคเป็นหลักว่าจะทำงานให้ประชาชนได้อย่างไร นั่นคือเหตุผลที่เราได้ทุ่มเททำงานในพื้นที่มาตลอด 5 ปีเต็ม โดยทุกคนก็จะเดินหน้านำเสนอผลงาน แนวคิดทางนโยบายพบปะประชาชน แล้วก็เชื่อว่าด้วยงานที่ทำและความใกล้ชิดที่มีต่อประชาชนก็น่าจะเพียงพอในการได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า คนกรุงเทพฯ มีความหลากหลาย เพราะมาจากคนหลายกลุ่ม อาจจะทำให้คะแนนเสียงถูกแบ่งออกไปบ้าง เพราะในพรรคเองก็มีอดีต ส.ก.ที่ย้ายพรรคไปเขาก็ต้องมีคะแนนติดไปบ้างไม่มากก็น้อย แม้จะไม่ถึงกับชนะ ปชป.ได้ก็ตาม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าก็มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกลุ่มใหม่เข้ามาในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีจำนวนเยอะมาก แต่หลักๆ ตนเองคิดว่าเราก็น่าจะได้คะแนนไม่น้อยจากคนรุ่นใหม่ เพราะชุดนโยบายของพรรคก็มีนโยบายที่ออกมาต่างหากจากกลุ่มรุ่นใหม่ของ ปชป.ที่มาจากกลุ่ม New Dem อีกทั้งคนในกลุ่มนี้ก็มีส่วนร่วมโดยตรงในการร่างนโยบายพรรค จึงทำให้ชุดนโยบายของ ปชป.มีความทันสมัยมากกว่าหลายพรรค
"ยกตัวอย่างเรื่อง Gov Tech หรือ Government Technology ที่เป็นแนวคิดว่าในอนาคต การให้บริการประชาชนของภาครัฐต้องเปิดพื้นที่ให้สตาร์ทอัพ กลุ่มที่มีแนวคิดการใช้เทคโนโลยีมาเสนอแนวทางการบริการและการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ทางพรรคก็ให้กลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในกลุ่มผู้ประกอบการสถานศึกษา สาธารณสุข เสนอแนวคิดของเขาตอบโจทย์ปัญหาที่เขาแก้ได้ โดยราชการแก้ไม่ได้ ก็มีคนสมัครมาเกือบ 100 แห่ง จนคัดเลือกเหลือจำนวนหนึ่งเพื่อบ่มเพาะเขาเพื่อว่าหากอนาคตเราเข้าไปเป็นรัฐบาล จะได้เข้ามานำเสนอการให้บริการกับภาครัฐ เช่น การให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น หรือเทคโนโลยี ที่สุดท้ายประชาชนก็จะได้ประโยชน์ และเป็นการกระจายอำนาจ ลดบทบาทของรัฐ ที่เป็นชุดความคิดที่ทันสมัย ไม่ใช่ชุดความคิดของพรรคอนุรักษนิยมสุดโต่งอย่างที่เป็นวาทกรรมของบางกลุ่มพยายามยัดใส่ให้พรรค ปชป. เพราะพรรคอนุรักษนิยมคิดแบบนี้ไม่ได้ และ ปชป.ไม่ได้แค่คิดอย่างเดียว แต่ทำแล้ว มีพรรคไหนมีความก้าวหน้าแบบนี้อย่างพรรค ปชป. ผมก็อยากรู้เหมือนกัน" นายกรณ์ กล่าว