คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้คำสั่งของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้หน่วยงานทหารเปิดเพลงหนักแผ่นดินหลังจากพรรคเพื่อไทยนำเสนอนโยบายตัดงบกระทรวงกลาโหมและการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า รู้สึกเป็นห่วงวิธีคิดของ ผบ.ทบ.ที่ถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของประเทศ ที่มีท่าทีอ่อนน้อมอย่างยิ่งกับคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่มีที่มาจากการรัฐประหาร แต่แข็งกร้าวกับคนที่เสนอตัวมาเป็นตัวแทนประชาชนตามครรลองประชาธิปไตยแบบไร้เส้น ทั้งที่โดยสถานะ ผบ.ทบ. ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
"ถ้าจะต้องให้บอกว่า จะเพิ่มงบให้กระทรวงกลาโหมจากแสนกว่าล้านบาทเป็นสองแสนกว่าล้านบาท แบบที่รัฐบาลนี้ทำ จึงจะเป็นคนไม่หนักแผ่นดินในสายตา ผบ.ทบ."คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
พร้อมทั้ง ขอยืนยันในความถูกต้องที่ได้เสนอขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส กับปัญหาปากท้อง และในเวลานี้ยังไม่ปรากฏภัยคุกคามทางความมั่นคงของประเทศ ถึงขั้นจะต้องใช้กำลังคนและ อาวุธยุทโธปกรณ์มากไปกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เผื่อผู้มีอำนาจจะฟังบ้าง เราเสนอให้ลดงบประมาณลงเพียง 10% ในส่วนที่ใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้ออย่างมากมายในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศที่แย่อย่างทุกวันนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุอีกว่า เราชวนกลาโหมให้มาช่วยกันสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ และประชาชนคนตัวเล็ก ๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำและตำแหน่งงานน้อยลง งานหายากขึ้น และคนจะตกงานมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากภาวะเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามากระทบต่ออาชีพต่าง ๆ ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนคนไทยและเด็กรุ่นใหม่ของเรา
งบประมาณที่ขอแบ่งมา 10% นี้เป็นจำนวน เพียง 20,000 ล้านบาท จากงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทั้งหมด กว่า 200,000 ล้านบาท จะเอามาช่วยคนรุ่นใหม่ให้มีอาชีพ ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเด็กรุ่นใหม่ และประชาชนได้ มากกว่า30,000 คนต่อปีซึ่งเป็นการให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มาเป็นกำลังในการผลิตและสร้างรายได้ให้กับประเทศ
"ทหารและงบประมาณทหารมีความจำเป็น แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและใช้ให้มีประสิทธิภาพต่อการพัฒนากำลังพลและศักยภาพของกองทัพ"คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
ส่วนการเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารให้ใช้ระบบสมัครใจเข้ารับราชการ จะ เป็นการพัฒนาบุคลากรที่เข้ารับราชการทหารเพราะได้เข้ามาด้วยความเต็มใจก็จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะใช้งบประมาณน้อยกว่า
เรายืนยันว่างบประมาณส่วนที่ขอแบ่งมาจากงบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพียง 10% นี้จะไม่กระทบต่อการดูแลรายได้ และสวัสดิการของกำลังพล ตรงกันข้ามกลับมองว่าควรจะสนับสนุนในการเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อยเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สมกับความเสียสละที่ถือเป็นเหล่าทหารกล้า
"โดยส่วนตัวดิฉันชื่นชมทหารที่เป็นทหารอาชีพ เพราะเขาเหล่านั้นเป็นผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และสนับสนุนให้ทหารอาชีพเหล่านี้ได้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ดิฉันไม่ชื่นชมทหารที่มาทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน"คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ