นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว 5 นโยบายเศรษฐกิจ กรุงเทพมหานคร ภายใต้แคมเปญ Bangkok OK ประกอบด้วย
1.Super high speed wifi 5G นำร่องใน 9 พื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ได้แก่ บางขุนเทียน สีลม จตุจักร เยาวราช ดอนเมือง เจริญนคร เจริญกรุง สยาม-ราชประสงค์ 2.เว็บไซต์ Bangkok Ok Shop ให้เป็นพื้นที่ค้าขายออนไลน์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ระดับโลกโดยรับสินค้าจากคนกรุงเทพฯ เพื่อโปรโมทไปทั่วโลก ลดต้นทุนการตลาดและประชาสัมพันธ์ของผู้ผลิต พร้อมทั้งส่งเสริมโปรโมชั่นจากสินค้าต่างๆ ในเว็บไซต์
3.เปิดถนนคนเดินประชารัฐ 50 เขต ทั่วกรุงเทพฯ ให้เป็นสถานที่ค้าขายและพักผ่อนหย่อนใจ ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว จัดระเบียบผู้ค้าขายให้เหมาะสมปลอดภัย 4.startup สามารถจดทะเบียนและอนุมัติได้ภายใน 1 วัน และ 5.ติดปีกธุรกิจ กองทุนสนับสนุนสมาร์ทไอเดีย เปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นเงินทุน สามารถระดมทุนสร้างธุรกิจได้จริง
เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า นโยบายกรุงเทพมหานครจะเชื่อมโยงกับนโยบายภาพรวมประเทศของพรรค โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ร่วมพิจารณาช่วยกันทำให้ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน ดังนั้นจึงขอให้มั่นใจว่าพรรคไม่ได้พูดนโยบายไปเรื่อยๆ แต่ต้องตอบโจทย์และขับเคลื่อนได้ในทางปฏิบัติ และในทุกวันอังคารหลังจากนี้อีก 3 สัปดาห์ขอให้ติดตามนโยบายใหม่ๆ ของพรรคได้ เรียกได้ว่าเร้าใจอย่างแน่นอน
เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า คะแนนนิยมของพรรคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พรรคไม่ประมาท เพราะช่วงโค้งสุดท้ายถือเป็นการต่อสู้ของพรรคการเมืองหลายๆ พรรค พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนคือไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใครและทำให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้า จึงเชื่อว่าสิ่งนี้ทำให้ประชาชนเลือกสนับสนุนพรรค
ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้ยุบพรรค พปชร.นั้น นายสนธิรัตน์ ระบุว่า พรรคไม่ได้เตรียมการใดใด นอกจากความจริง เพราะการเมืองมักจะสร้างประเด็น แต่บางประเด็นก็ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง ดังนั้นพรรคก็จะเตรียมข้อเท็จจริงไปชี้แจง และมั่นใจว่าพรรคไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ หรือผิดเงื่อนไข ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางฝ่ายกฎหมายพรรคจะเป็นผู้ดำเนินการ
เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรคการเมืองเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้ที่พรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเข้าร่วมเวทีดีเบตว่า ต้องพิจารณาข้อกฎหมาย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงไม่เหมาะที่จะลงมาดีเบต และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่จำเป็นต้องดีเบต เพราะที่ผ่านมาก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ในนามนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องอยู่แล้ว พปชร.เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มานั่งแคนดิเดตนายกฯ เพราะตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนหน้าที่ดีเบตและการนำเสนอนโยบายเป็นหน้าที่ของพรรค โดยกฎหมายไม่อนุญาตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาดีเบตได้ เนื่องจากไม่ใช่สมาชิกพรรค ขอให้แยกให้ชัดเจน
ส่วนกรณีข้อเสนอปฏิรูปกองทัพที่หลายพรรคเสนอนโยบายตัดงบประมาณและยกเลิกเกณฑ์ทหาร นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ปฏิเสธการปฏิรูป และนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เน้นการปฏิรูปในทุกด้าน ไม่เฉพาะเจาะจง และในทางปฏิบัติกองทัพก็ได้ปฏิรูปตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เป็นประเด็นขณะนี้ หลายพรรคไปเจาะจงที่การลดงบประมาณ ซึ่งไม่ใช่การปฏิรูปทั้งระบบ สิ่งเหล่านี้ต้องดูความเป็นจริงประกอบกัน พปชร.ก็ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวไว้ แต่ไม่ได้เจาะจงที่กองทัพอย่างเดียว เพราะปฏิรูปต้องปฏิรูปทั้งประเทศ ดังนั้นการพูดถึงกองทัพขณะนี้ไม่ใช่การปฏิรูปที่แท้จริงแต่เป็นประเด็นทางการเมืองมากกว่า
เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวอีกว่า กองทัพไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หน้าที่ของกองทัพคือการดูแลความมั่นคง ส่วนรัฐประหารทุกครั้งต้นเหตุเกิดมาจากนักการเมือง ไม่ได้เกิดจากกองทัพ ดังนั้นการแก้ปัญหาที่กองทัพเพื่อป้องกันรัฐประหารจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
"ถ้าย้อนหลังกลับไปรัฐประหารทุกครั้งเกิดจากความล้มเหลวของฝ่ายการเมืองที่ไม่สามารถดำเนินการแบบปกติได้ แม้กระทั่งการรัฐประหารเมืองปี 2557 ก็ไม่ได้รัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน แต่เป็นรัฐบาลรักษาการที่เดินหน้าไม่ได้ ประเทศไปต่อไม่ได้ เลือกตั้งก็ไม่ได้ เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชน กองทัพจึงเข้ามาแก้ปัญหา ดังนั้นการปฏิรูปกองทัพวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน อยากให้เอาเวลาไปแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่เร่งด่วน เพราะส่วนตัวเชื่อว่ากองทัพรับฟังในความคิดเห็นต่างๆ แต่สิ่งเรานั้นยังมีเวลาในการพูดคุยพิจารณา"นายสนธิรัตน์ กล่าว