นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการจัดทำงบของกระทรวงกลาโหมว่า งบประมาณของทุกกระทรวง ทบวง กรม เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองจะจัดลำดับความสำคัญ และในรอบ 20 ปีที่ผ่านมามีการลดงบของกระทรวงกลาโหมเพียงครั้งเดียวในสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยิบเรื่องนี้มาเป็นความขัดแย้งทางการเมือง
กรณีที่พรรคการเมืองเสนอนโยบายเรื่องดังกล่าวก็เป็นสิทธิและต้องอธิบายว่าที่ต้องปรับลดมีวัตถุประสงค์อะไร ผลลัพธ์ที่จะตามมาคืออะไร พรรคประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายที่จะทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพและกระชับมากขึ้น โดยกำลังพลบางส่วนที่ไม่ได้ถูกใช้ไปในด้านความมั่นคงสามารถลดได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาเรื่องนี้มาให้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง
"ขอให้วางใจได้ว่าเราจะจัดสรรงบประมาณเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ กองทัพก็เป็นกลไกสำคัญในการทำงานให้กับประเทศด้วย จะพิจารณาตามความเหมาะสมและสามารถปรับลดได้ พรรคการเมืองที่ออกมาชูตอนนี้เสียอีกช่วงที่มีอำนาจไม่เคยลดงบของกระทรวงกลาโหมเลย ต้องขอขอบคุณกองทัพที่ตอนนี้มีท่าทีดูจะตรงกับประเด็นมากขึ้น คือแทนที่จะทำให้เป็นประเด็นความขัดแย้งก็เชิญชวนฝ่ายการเมืองสามารถที่จะเสนอได้ว่าแนวความคิดของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร อยากให้การเมืองเป็นเรื่องของข้อมูล สร้างสรรค์ ไม่ใช่เอามาเป็นเรื่องของความขัดแย้ง แล้วเอาอารมณ์ใส่กัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่มีการระบุว่าต้นเหตุของรัฐประหารจากพรรคการเมืองไม่ใช่ทหารนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็ไม่ใช่เป็นเหตุที่จะบอกว่าการรัฐประหารมีความชอบธรรมหรือไม่ ไม่ใช่เหตุที่จะบอกว่ารัฐประหารผ่านมาแล้ว 5 ปีแล้วจะต้องมีการสืบทอดอำนาจ คนละประเด็นกัน ซึ่งตนเองพูดมาตลอดว่าการเกิดรัฐประหารทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ ต้องยอมรับว่ากลไกการเมืองล้มเหลว และเปิดช่องให้การรัฐประหารเข้ามาได้ วันนี้เราต้องก้าวพ้นจากตรงนั้น แนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ คือเลือกพรรคการเมืองที่เข้าไปบริหารประเทศแล้วไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหาเช่นนั้นอีก โดยเฉพาะบทเรียนที่ผ่านมา คือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น
"เมื่อเดือนมีนาคม 2557 ผมเป็นคนหนึ่งที่เตือนทุกฝ่ายว่ามีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่การรัฐประหาร ช่วยกันหลีกเลี่ยงเถิด และพยายามพูดคุยกับหลายๆ ฝ่ายว่าหาทางในการที่จะแก้ปัญหาสถานการณ์ผ่าทางตันตรงนั้นไปได้หรือไม่ แต่ในที่สุดไม่ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายต่างๆ จึงไปจบลงที่การรัฐประหาร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการปราศรัยหาเสียงควรว่ากันในส่วนของพรรคการเมือง ขณะที่ส่วนราชการก็ควรแสดงออกให้ชัดเจนว่ามีความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งตอนนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจเรื่องมีการใช้อำนาจรัฐ