นายสุรชัย ชินชัย ทนายความพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เปิดเผยภายหลังเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญนำเอกสารนัดกำหนดวันวินิจฉัยคดีของพรรคไทยรักษาชาติ ในวันที่ 7 มี.ค. มายื่น โดยมีน.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับเอกสารว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้มาตรา 58 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ว่าข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยคดีได้ ถือว่าสิ้นสุดแล้ว เพราะพยานเอกสารชัดเจนแล้ว
"คดีนี้ก็ถือว่าไม่มีการนำพยานบุคคลใดๆเข้าไต่สวนอีกแล้ว ส่วนจะยื่นเอกสารหลักฐานใดๆเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น เมื่อศาลฯนัดวินิจฉัยแล้ว แม้เราจะยื่นเอกสาร หรือพยานใดๆ เพิ่มเติมไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ แม้ตามกฎหมายจะให้ยื่นได้อย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันวินิจฉัย แต่เราเชื่อว่า เราไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องได้"
นายสุรชัย ยืนยันว่า พรรคไม่มีเจตนากระทำเป็นทางลบต่อประเพณีการปกครอง และได้ชี้แจงข้อกล่าวหากรณีที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองไปแล้ว และข้อกฎหมายที่มาโต้แย้ง คือ ประเด็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติข้ามขั้นตอนกฎหมาย
ทั้งนี้ คาดว่า ในวันที่ 7 มี.ค.จะมีคำตัดสิน 2 แนวทาง คือ ยกคำร้อง หรือยุบพรรคก็เป็นได้ และเมื่อคำวินิจฉัยสิ้นสุดแล้วก็ถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถยื่นคำร้อง หรืออุทธรณ์ใดๆได้อีก
"เราคิดว่าการชี้แจงของเราครบถ้วน ส่วนจะหักล้างข้อกล่าวหาของ กกต.ได้หรือไม่นั้น เมื่อเราได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ศาลฯจะวินิจฉัยอย่างไรพรรคก็ยอมรับ"นายสุรชัย กล่าว
ในวันนี้บรรดาแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ได้เดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าจากศาลรัฐธรรมนูญ อาทิ นายมิตติ ติยะไพรัช นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา นายนิคม ไวยรัชพานิช จากนั้นก็ทยอยเดินทางออกไป แต่ก็ยังมีแกนนำพรรค และฝ่ายกฎหมายติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ที่พรรคบางส่วน อาทิ นส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุรชัย ชินชัย ทนายความต่อสู้คดียุบพรรค และฝ่ายกฎหมายของพรรค เป็นต้น
ขณะที่ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ไม่ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคในวันนี้