ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เผยประชาชนส่วนใหญ่ 65.84% เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแย่ลง ขณะที่ประชาชนอีก 27.13% ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเหมือนเดิม และมีเพียง 7.03% ระบุว่า เศรษฐกิจไทยดีขึ้น
ส่วนความคิดเห็นที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง 2562 และได้รัฐบาลใหม่แล้ว พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 63.64% เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ขณะที่ประชาชนอีก 32.27% ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะเหมือนเดิม และมีเพียง 4.09% ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง
โดยพรรคการเมืองที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนได้ 10 อันดับแรก คือ ประชาชนส่วนใหญ่ 45.73% ระบุว่า ไม่มีพรรคใดเลย รองลงมา 21.55% ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย ตามด้วย 10.12% ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ 8.28% ระบุว่าเป็นพรรคอนาคตใหม่ 7.43% ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 1.59% ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อชาติ 1.25% ระบุว่าเป็นพรรคเสรีรวมไทย 1.10% ระบุว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย 0.95% ไม่ระบุ และ 0.70% ระบุว่าเป็นพรรคไทยรักษาชาติ
โดยประชาชนส่วนใหญ่ 59.55% ระบุว่ามีปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ขณะที่ 40.45% ระบุว่า ไม่มีปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง โดยในจำนวนของผู้ที่ระบุว่ามีปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ได้ให้สาเหตุที่ทำให้มีปัญหา ส่วนใหญ่ 58.12% มีรายได้ไม่แน่นอน รองลงมา 36.52% มีเงินเดือน/ค่าจ้างน้อย 10.80% ระบุว่าครอบครัวใหญ่ ต้องเลี้ยงดูหลายคน 4.86% ระบุว่า ตกงาน/ไม่มีงานทำ/หางานทำยาก 2.85% ระบุว่า ใช้เงินฟุ่มเฟือย เกินตัว 2.51% ระบุว่า ไม่ได้ทำงาน เช่น มีปัญหาสุขภาพ ลาออกจากงาน เป็นต้น 0.08% ระบุว่า ใช้เงินไปกับอบายมุขต่าง ๆ เช่น สุรา หวย การพนัน เป็นต้น และ 11.14% ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น ขณะที่บางส่วนระบุว่า เกิดจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ
สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ประชาชนส่วนใหญ่ 63.23% ระบุว่า ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รองลงมา 26.72% ระบุว่าทำอาชีพเสริมที่ถูกกฎหมาย 16.16% ระบุว่า ออมเงิน 10.22% ระบุว่าไม่ได้มีแผนจะทำอะไรในตอนนี้ 8.63% ระบุว่ากู้ยืมเงินจากคนใกล้ชิด/สถาบันการเงิน/นอกระบบ 4.27% ระบุว่ามองหางานใหม่ที่ดีกว่า และ 3.27% ระบุว่า นำทรัพย์สินไปจำนอง/จำนำ/ขาย
ทั้งนี้ นิด้าโพลได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "ปากท้องคนไทยและเศรษฐกิจประเทศหลังการเลือกตั้ง 2562" ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 2562 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,005 หน่วยตัวอย่าง