นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส อธิบายกติกาการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งว่าครั้งนี้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกติกาหลายประการ การเลือกตั้งมีบัตรใบเดียว กาครั้งเดียวเลือกทั้งส.ส. เลือกทั้งพรรค และเลือกทั้งนายกฯด้วย
จากการลงพื้นที่ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน ประชาธิปัตย์เชื่อว่าประชาชนมีโจทย์อยู่ในใจ 2 เรื่อง คือ 1.ประชาชนคิดว่าเลือกตั้งแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้น 2.เลือกตั้งแล้วจะได้รัฐบาลที่ไม่ไปสร้างปัญหา สร้างความขัดแย้ง สร้างความวุ่นวาย และไม่อยากให้บ้านเมืองกลับมาสู่วงจรเดิมๆอีก
"จากการลงพื้นที่ทั่วประเทศทุกภาคประชาชนต่างสะท้อนว่าวันนี้เศรษฐกิจปากท้องแย่มาก ประชาธิปัตย์เชื่อว่าวันนี้ที่เศรษฐกิจแย่เพราะคนส่วนใหญ่คือเกษตรกรไม่มีกำลังซื้อคือมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ วันนี้พี่น้องในพื้นที่ภาคใต้ทั้งชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์ม สวนมะพร้าว และชาวประมงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก"
วันที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ยางพารากิโลละไม่ต่ำกว่า 100 บาท แต่ทุกวันนี้ยางพารา 4 กิโล 100 บาทดังนั้นนโยบายของประชาธิปัตย์จึงเริ่มต้นที่คำว่า "แก้จน" ในอดีตประชาธิปัตย์เคยทำนโยบายประกันรายได้ เพื่อใช้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปลูกมันสำปะหลัง และข้าวโพด ประกันรายได้เป็นโครงการที่ปฏิบัติได้จริง และไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ สำคัญที่สุดนโยบายประกันรายได้ไม่มีการทุจริต
การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาธิปัตย์จะนำนโยบายประกันรายได้กลับมาใช้ และขยายไปยังพืชเกษตรอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นยางพารา จะส่งเสริมให้ภาครัฐนำยางพาราไปใช้ให้มากที่สุด เช่นการนำยางพาราไปทำถนน ซึ่ง นายนิพนธ์ บุญญามณี นายก อบจ.สงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ได้นำแนวความคิดนี้ไปทดลองใช้เรียบร้อยและได้ผลอย่างดี ชาวสงขลาได้ถนนที่มีคุณภาพ
"ถ้าประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเข้าไปบริหารประเทศจะนำนโยบายประกันรายได้มาใช้กับชาวสวนยางพารา ยางฯ ราคาต้องไม่ต่ำกว่า 60 บาท ปาล์มน้ำมันก็ไม่ต่ำกว่า 4 บาทต่อกิโลกรัม รวมทั้งปัญหาของชาวประมง ก็ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข"หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนปัญหามะพร้าว ที่เกิดจากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็จะนำนโยบายประกันรายได้มาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวเช่นกัน
ส่วนกลุ่มผู้ใช้แรงงานนโยบายของประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายประกันรายได้ ผู้มีรายได้น้อย ต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปี
ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกแต่จะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ของประชาชน 4 ข้อ 1.คนจนทุกคนต้องได้บัตรนี้ 2.คนไม่จนจริงต้องขอบัตรคืน 3.บัตรสวัสดิการ ต้องเป็นสิทธิ์ของประชาชนผู้ถือบัตร จะต้องไม่ไปขึ้นอยู่กับอารมณ์ของรัฐบาล 4. ทุกเดือนให้ 800 บาทจ่ายเป็นเงินสดเข้าบัญชี จับจ่ายได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องไปเฉพาะร้านธงฟ้าเท่านั้น
ส่วนนโยบายสร้างคน พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ริเริ่มทำศูนย์เด็กเล็ก นมโรงเรียน โครงการเรียนฟรี โครงการกู้ยืมเพื่อการศึกษา ค่าตอบแทนอสม. เบี้ยผู้สูงอายุ โดยครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะต่อยอดนโยบายเหล่านี้ อาทิ โครงการเรียนฟรีคราวนี้ต้องฟรีถึง ปวส.
นโยบายเบี้ยผู้สูงอายุเริ่มขึ้นในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยจำนวนเงิน 200 บาท ผ่านมา 25 ปีงบประมาณของประเทศไทยเพิ่มมา 5 เท่าตัว ผู้สูงอายุไทยจึงควรจะได้รับเบี้ยยังชีพ 1,000 บาท เลือกประชาธิปัตย์ได้นโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาททุกคนถ้วนหน้า
นอกจากนี้ประชาธิปัตย์ยังมีได้โยบายเกิดปั๊บรับเงิน 100,000 โดยให้เด็กแรกเกิดทันที 5,000 บาทและจ่ายเดือนละ 1,000 บาทไปจนอายุครบแปดปี
การปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดนราธิวาสครั้งนี้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาสอย่างคึกคักและอบอุ่น ทั้งเข้ามาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจกับคณะของนายอภิสิทธิ์ หลังจากนั้นคณะของนายอภิสิทธิ์ได้เดินทางต่อไปยัง อำเภอตากใบ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ก่อนจะเดินทางไปปราศรัยต่อที่ หาดนราทัศน์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ต่อไป