พรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งภาคกลาง นายสุพล ฟองงาม แกนนำจังหวัดอุบลราชธานี และ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เปิดเวทีปราศรัยกับประชาชนกว่า 15,000 คน ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
นายอุตตม ปราศรัย ว่า อนาคตของประเทศอยู่ในมือของพี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย พี่น้องทราบแล้วว่า อะไรเกิดขึ้นในประเทศในช่วงที่ผ่านมา แต่วันนี้เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยต้องสงบ คนไทยมีความสุขอย่างแท้จริง ที่สำคัญต้องมีอนาคตที่สดใส เกษตรการต้องมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ใช่ลุ่มๆดอนๆ พรรคพลังประชารัฐเกิดใหม่ได้ 4 เดือน แต่พวกเราสู้ และทำเต็มที่ วันนี้เพราะความกรุณาจากพี่น้องจึงทำให้พรรคมีพลัง พรรคพลังประชารัฐไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครสั่งการ เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายฝ่ายที่มีความตั้งใจอยากเห็นบ้านเมืองไปข้างหน้า มีคนจากพรรคอื่นขู่ฟ้องผมกับพรรคพลังประชารัฐกล่าวหาว่าค้ามนุษย์ เพราะไปซื้ตัวคนอื่นจากพรรคอื่นมา ทั้งที่ไม่เป็นความจริง คนที่เข้ามาด้วยใจ และต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการเดินไปสู่จุดนั้น เพราะวันนี้เราเรียนรู้จากอดีตเพื่อเดินต่อไปข้างหน้า บ้านเมืองสงบ ปรองดอง
"วันนี้เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยต้องสงบ คนไทยมีความสุขอย่างแท้จริง ความสงบสุข เกี่ยวข้องกับปากท้อง ยิ่งสงบ ยิ่งมั่นคง เศรษฐกิจก็ยิ่งดี" นายอุตตมกล่าว
นายอุตตม กล่าวว่า หากพี่น้องให้โอกาสพรรคพลังประชารัฐเข้าไปบริหารประเทศ พรรคจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆเพื่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะภาคการเกษตรอย่างชาวนา ด้วยการช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2000 บาท จำนวน 20 ไร่ เพิ่มบัตรประชารัฐให้คนไทย 14.5 ล้านใบ แต่ยังมีคนที่ตกสำรวจอีก 2-3 ล้านคน เราจะออกบัตรให้ทันที เพื่อให้เข้าถึงสวัสดิการที่จำเป็น แม้ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย แต่สามารถช่วยในการดำรงชีวิต นอกจากนั้นจะขยายบัตรประชารัฐไปสู่กลุ่มคนไทยคนอื่น ๆที่จำเป็น พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี โครงการมารดาประชารัฐ ที่ดูแลตั้งแต่ต้นทาง เพราะเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดาเป็นช่วงสำคัญ ด้วยการดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์ เดือนละ 3,000 บาท 9 เดือน ช่วยค่าคลอด 10,000 บาท ค่าเลี้ยงดูจนถึง 6 ปี เดือนละ 2 พันบาท รวม 181,000 บาท โดยยืนยันว่า นโยบายของเราให้กับการตั้งครรภ์ทุกครั้ง เพราะคือการลงทุนสำหรับอนาคตประเทศ ซึ่งทุกนโยบายทำได้จริง ทำได้ทันที
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลใหม่ไม่เหมือนรัฐบาลปัจจุบันเพราะมาจากการเลือกตั้ง เพราะมีตัวแทนประชาชนเข้าไปทำหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเป็นคนเดิม แต่รัฐบาลคือรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากกการเลือกตั้ง ดังนั้นพรรคจึงมีจุดยืนในการก้าวสู่ประชาธิปไตยเพื่อคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่ประชาธิปไตยของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเหมือนที่ผ่านมา จึงขอให้พี่น้องไว้วางใจพรรคพลังประชารัฐ เลือกยกจังหวัด
นายสุพล ปราศรัยว่า ก่อนที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้ามาบริหาร เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ทั้งการปิดถนน เผาบ้านเผาเมือง ล้มการประชุมอาเซียน ยึดสนามบิน เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างประชาชนสองฝ่าย นำไปสู่การบาดเจ็บล้มตาย วนเวียนเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ตนอยู่ในบ้านหลังนั้นเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง จึงตัดสินใจ ออกมาเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง บ้านเมืองต้องสงบ และปรองดอง วันนี้สำนึกผิดที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย จึงขอโทษพี่น้องประชาชนด้วย และขอชี้แจงว่าอย่าไปหลงวาทกรรมที่ใช้โจมตีพรรพลังประชารัฐ โจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อย่าไปโทษคนปฏิวัติ แต่ต้องโทษคนสร้างปัญหาจนนำมาสู่การปฏิวัติ ถ้าเสื้อแหลือง เสื้อแดง ไม่ตีกัน พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สืบทอดอำนาจ เพราะขณะนี้อำนาจอยู่ในมือพี่น้องประชาชนในการกำหนดอนาคตประเทศ จะเลือกใครก็เป็นสิทธิ แต่หากเลือกพรรคเดิม บ้านเมืองก็จะเป็นแบบเดิม ดังนั้นขอให้มาช่วยกันนำพาประเทศออกจากความขัดแย้ง
นายอนุชา ปราศรัยว่า ตนเคยเป็น ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากกรณียุบพรรค จนกระทั่งวันหนึ่งตัดสินใจก้าวเดินออกมาสังกัดพรรคเล็ก เพราะบ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟ จากคนที่ต้องการอำนาจ ด้วยการนำความรักความศรัทธาของประชาชนไปต่อสู้บนถนน เกิดการเข่นฆ่า พี่น้องคนไทยบาดเจ็บล้มตาย ความขัดแย้งกินระยะเวลานานกว่า 10 ปี จนกระทั่งวันนี้วันที่เห็นแสงสว่างจากความสงบสุข ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาแก้ปัญหา เข้ามากอบกู้หลายสิ่งหลายอย่างบนซากปรักหักพัง กอบกู้เศรษฐกิจที่พังเสียหายจากความขัดแย้งจนประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
จากนั้นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ยังได้มาร่วมกับคนทุกกลุ่มจัดตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือก เป็นแสงสว่าง ในการนำพาบ้านเมืองพ้นจากความขัดแย้ง ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชาวไรชาวนาลืมตาอ้าปาก เพราะประชาชนคือสิ่งสำคัญสำหรับพรรคพลังประชารัฐ วันนี้พรรคมีนโยบายดีที่นำเสนอ ทั้งนโยบายข้าว ที่หากพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล จะช่วยค่าเกี่ยวข้าว ไร่ละ 2 พันบาท จำนวน 20 ไร่ และกำลังพิจารณาค่าปลุก 1,500 บาท จำนวน 20 ไร่ เพราะพรรคเชื่อว่าหากชาวไร่ ชาวนาไม่มีเงิน อย่าหวังว่าเศรษฐกิจประเทศจะดีขึ้น หากชาวไร่ ชาวนาไม่มีตังค์ พ่อค้าแม่ค้าก็ขายของลำบาก นอกจากนี้ยังมีโครงการดีๆ อย่างมารดาประชารัฐ ท้องปั๊บ รับ 3,000 บาท 9 เดือน ช่วยค่าคลอด ค่าเลี้ยงดู รวมกว่า 181,000 บาท