กรณีดังกล่าวเนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ มีหลายสถานะ และไม่ยอมลาออกจากข้าราชการการเมืองเพื่อมาทำหน้าที่รักษาการตามที่นักการเมืองในอดีตได้เคยปฏิบัติกัน เพื่อสร้างความเสมอภาคในการหาเสียงและเพื่อความสุจริตและเที่ยงธรรมตามที่ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.2561 กำหนด ดังนั้น "ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง(CEPP)" จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษมากกว่าพรรคอื่น ๆ โดยได้เตรียมการตั้งทีมตรวจสอบไว้เพื่อติดตามตรวจสอบการเดินสายปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์ว่ามีการกระทำและคำปราศรัยส่อไปในทางผิดกฎหมายอย่างไรหรือไม่ เช่น 1)มีการนำรถยนต์และทรัพย์สินของทางราชการในการเดินทางไปตระเวนปราศรัยหรือไม่ 2)มีการนำฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำตัวนายกฯเดินทางไปร่วมตระเวนด้วยหรือไม่ 3)มีการนำข้าราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐไปร่วมตระเวนด้วยหรือไม่ 4)มีข้าราชการในพื้นที่ที่เปิดปราศรัยมาคอยต้อนรับและนำทรัพย์สินของทางราชการมาคอยอำนวยความสะดวกให้หรือไม่ นอกจากนั้น ทุกคำปราศรัยมีคำพูดใดที่ขัดต่อมาตรา 73 มาตรา 74 แห่งพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และขัดต่อข้อ 17 ข้อ 18 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 หรือไม่ด้วย หากพบว่าการกระทำและคำปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายข้างต้น CEPP ก็จะรีบส่งคำร้องไปให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัยเอาผิดทันที และหากมีประเด็นใดที่เกี่ยวโยงไปถึงการกระทำและรู้เห็นของหัวหน้าพรรคและหรือคณะกรรมการบริหารพรรคของพรรคพลังประชารัฐที่ส่อไปในทางที่ขัดต่อกฎหมาย ก็จะดำเนินการด้วยเช่นกันในทันที นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด