รายงานข่าว แจ้งว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติมจากกรณีที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
โดยเอกสารที่จะนำไปยื่น ได้แก่ 1.หนังสือของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ ปช 0008/0197 ลงวันที่ 16 มี.ค.58 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไม่กำหนดให้ คสช.มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
2.หนังสือของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร 0901/686 ลงวันที่ 17 เม.ย.58 ที่ว่าด้วยขอบเขตอำนาจของคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.
นายเรืองไกร ระบุว่า ตามหนังสือทั้งสองฉบับจึงน่าเชื่อถือได้ว่าหัวหน้า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98(15) ที่บัญญัติถึงบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 หรือถูกเสนอชื่อโดยพรรคการเมืองเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศษ.2561 มาตรา 13 และมาตรา 14
"เมื่อมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช.ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช.จึงไม่มีผลตามกฎหมาย ต้องถือว่าไม่มีการเสนอชื่อผู้นี้โดยพรรคพลังประชารัฐ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช.เสียก่อน กรณีนี้ก็คงไม่เกิดปัญหา" นายเรืองไกร ระบุ