นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ระบุ ว่า วันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนและเอาผิดตามมาตรา 28(1) ประกอบมาตรา 48 มาตรา 76 และมาตรา 87 แห่ง พรป.ป.ป.ช.2561 หลังพบว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่มีการนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องสำคัญต่าง ๆ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ เพราะ กกต.ทั้ง 7 คนอ้างว่าติดภารกิจเดินทางไปดูงานการใช้สิทธิเลือกตั้งของคนไทยในต่างประเทศ หรือการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในเวลาไล่เลี่ยกันระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-10 มี.ค.นี้ โดยที่การจัดการเลือกตั้งภายในประเทศซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ กกต. ต้องเร่งตรวจสอบ และวินิจฉัยคงค้างอีกมากมาย อาทิ กรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการผิดกฎหมายเลือกตั้ง ผิดกฎหมายพรรคการเมืองมากมายในขณะนี้
ข้ออ้างที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กกต.แถลงไม่มีน้ำหนักเหตุผลและฟังไม่ขึ้น เนื่องจากอำนาจในการจัดการเลือกตั้ง ณ ประเทศต่างเป็นหน้าที่ของสถานทูตในแต่ละประเทศสามารถทำได้ตามที่ กกต.มอบอำนาจให้ได้อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นอย่างใด ๆ ที่ กกต.ต้องไปติดตาม ตรวจสอบ ไม่เช่นนั้น กกต.ก็ต้องเดินทางไปทั้ง 60 กว่าประเทศทั่วโลกเพื่อไปติดตามตรวจสอบการเลือกตั้งของแต่ละประเทศกระนั้นหรือ และเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ให้พนังานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต. ไปทำหน้าที่แทนจะไม่ดีกว่าหรือ และเหตุใดต้องไปกันแบบแพ็คคู่ในประเทศที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เช่น อังกฤษ อเมริกา เยอรมัน สวิตเวอร์แลนด์ และสิงค์โปร์ ส่วนประเทศอื่น ๆ เช่น ลาว กัมพูชา ซูดาน ฯลฯ ที่ไม่ไปเพราะไม่มีความสำคัญหรืออย่างไรและที่สำคัญทำไมต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชนมากถึง 12 ล้านบาท จนถูกสังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงในขณะนี้
การกระทำของ 7 กกต.ดังกล่าวอาจเข้าข่าย "การทุจริตต่อหน้าที่" ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 และอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนจริยธรรมหลายข้อ อาทิ ข้อ 7 ข้อ 11 และข้อ 17 ของมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ฯลฯ
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจนิ่งดูดายหรือปล่อยให้ กกต.กระทำการดังกล่าวอย่างย่ามใจได้