นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ช่วยหาเสียงที่เขตบางแคว่า ส่วนตัวมีความรู้สึกมั่นใจว่าช่วงโค้งสุดท้ายพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.สทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อกว่า 150 คน โดยอ้างอิงความเชื่อมั่นจากผลสำรวจของพรรคที่ผลความนิยมพุ่งทะยานขึ้นไปทั่วทั่งประเทศ อีกทั้งมั่นใจว่ามีตัวเลขของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่จะชนะมากยิ่งขึ้น
โดยหลังจากนี้พรรคจะมีไม้เด็ดในช่วงโค้งสุดท้ายที่จะมาเรียกความสนใจอีกมาก เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสตัดสินใจเลือก ซึ่งที่สำคัญยังมีแคนดิเดตเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชาชนเคารพศรัทธา เพื่อแก้ไขปัญหาและประสานความต่อเนื่องของการทำงาน ดำเนินการในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังเพื่อให้ประเทศสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้ โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงนโยบายของพรรคเพิ่มเติม
เลขาธิการ พปชร. กล่าวว่า พรรคเคารพและเชื่อมั่นในกลไกของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือก ส.ว.ทั้ง 400 คนที่จะมีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจะต้องเป็นคนที่มีดุลยพินิจ บุคคลดี มีคุณภาพ ทำหน้าที่เปลี่ยนผ่านประเทศ ส่วนที่มีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตพรรคได้เปรียบจากผู้ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ว.ซึ่งนั่นเป็นเพียงการคาดเดา และต่อจากนี้ทางพรรคมีหน้าที่รวบรวม ส.ส.ให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และมีเสียงในสภาเกิน 250 เสียง
เลขาธิการ พปชร. กล่าวว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 มี.ค.ที่จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่นไม่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงของพรรค แม้จะมีระยะเวลาในการลงพื้นที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีบทบาทในการบริหารประเทศตามปกติ ในทางตรงกันข้ามตนเองคิดว่า พปชร.เสียเปรียบพรรคอื่น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง-ร่วมเวทีดีเบต และร่วมกิจกรรมของพรรคได้ ซึ่งทางพรรคเห็นว่าจะเป็นการลดความขัดแย้ง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ฝากข้อความมาสื่อสารกับประชาชน โดยขอให้ทุกฝ่ายทำการเมืองปรองดองสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ ซึ่งไม่อยากเห็นการเมืองที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ขอให้ทุกฝ่ายอย่านำประเทศไปสู่ความขัดแย้งและเกลียดชัง