พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการลงพื้นที่พบปะประชาชนในทุกโอกาส แม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะเก็บตัวบ้าง เพราะไม่อยากเป็นภาระเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัย หรือปัญหาเรื่องการใช้ยานพาหนะ ซึ่งบางครั้งก้อาจจะทำให้เกิดการวางตัวลำบาก แต่ยืนยันว่าตนเองไม่ใช่คนถือตัว และในอนาคตหากมีโอกาสก็อยากจะพบประชาชนต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะระบุว่าตนสามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ แต่ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็จำเป็นต้องระมัดระวังตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหา หรือเกิดการฟ้องร้องในอนาคต และไม่ต้องการไปขัดแย้งกับใคร และต้องการทำให้ประเทศชาติปลอดภัย
ส่วนในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐจะมีคำแนะนำอย่างไรเมื่อถึงเวลาจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างมีกฎหมาย มี พ.ร.บ. มีระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินกำกับอยู่ ดังนั้นใครก็ตามที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย ตามอำนาจในการบริหารที่มีธรรมาภิบาล
พร้อมทั้ง ขอความร่วมมือจากทุกคนที่ร่วมรัฐบาล ให้ช่วยกันปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมือง ให้ประชาชนไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกคนเป็นคนไทย เพราะถ้าการเมืองมีปัญหา ประชาชนก็มีปัญหาไปด้วย ดังนั้น วันนี้ต้องแก้ไขทุกอย่างใหม่ทั้งหมดด้วยการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งต้องพิจารณาให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ
"ไม่ใช่เป็นรัฐบาลเพียงแค่ 1-2 ปี แล้วก็เลิกกัน ทุกคนชอบของใหม่ตลอด แต่เริ่มมากี่ครั้งแล้ว แล้วก้ถอยหลังถอยหน้าแบบนี้ สิ่งสำคัญที่ผมถือว่าเป็นความรับผิดชอบมาโดยตลอดตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 คือทำอย่างไรให้คนของเรา ทุกกลุ่ม ทุกวัย ทุกฝ่าย มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่ทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ better life มีชีวิตที่ดีกับปัจจุบัน ต้องแก้ปัญหาเกษตรกร แก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อย ซึ่งต้องมีแผนงานในการดำเนินการ จะให้เสร็จวันเดียวไม่ได้หรอก บางเรื่องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี"พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ส่วนที่การจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐจะร่วมกับพรรคใดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเลือกตั้งค่อยพิจารณา ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าต้องการผู้นำแบบไหน ซึ่งทุกคนก็เห็นและรู้จักรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องไปพิจารณาว่าจะเลือกใครและพอใจใคร และขอให้ความเป็นธรรมกับตนบ้างว่าได้ทำอะไรไปบ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ส่งบทกลอนไปยังเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนอยู่แล้ว แต่งอะไรต่างๆอยู่ตลอด อยู่ที่ใครจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
"จะไม่ให้ผมทำอะไรเลยหรือ ที่คนอื่นทำกัน ไม่ไปว่าบ้าง จ้องนายกฯอย่างเดียว นายกฯ ก็พยายามจะแยกบทบาทตัวเองให้ชัดเจน มันก็ยากเหมือนกันนะ การเป็นนายกฯประเทศนี้ แต่ก่อนมีหรือไม่ เขาก้ไปหาเสียงกัน ไม่เคยว่ากัน ใช่หรือไม่ หรือไม่มี ในอดีตที่มาจากการเมืองต่างๆไปหาเสียงกัน ผมยังเคยต้องไปดูแลเขาเลย ทหารนะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ต้องทำตัวให้เครียดน้อยลง ไม่เช่นนั้นเส้นโลหิตในสองแตกเสียชีวิตไปแล้ว เพราะต้องรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ และการหาเสียงที่ด่าทอ ซึ่งก็ไม่เคยไปโต้ตอบ ดังนั้นขออย่าไปสนใจกันมากนักและมีกฎหมายดูแลอยู่
"ไม่อยากให้ใช้วาทกรรม การสืบทอดอำนาจ ก็พูดยากนะ การสืบทอดอำนาจทางการเมือง เขาก็ทำกัน ก็มีมาตลอดไม่ใช่หรือ ไม่งั้นทุกคนจะอยากเป็นนายกฯหรือ พรรคการเมืองพรรคไหนไม่อยากเป็นนายกฯ ไม่อยากเป็นรัฐบาลบ้างล่ะ ก็สืบทอดอำนาจทางการเมืองเหมือนกันนั่นแหละ ที่มาของผมอาจจะคนละแบบ แต่อย่าลืมผมเป็นนายกฯตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ผมก็เป็นนายกฯ แล้ว ผมไม่ได้เป็นหัวหน้าปฏิวัติรัฐประหารเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าตอนนั้นไม่มีรัฐธรรมนูญออกมาแล้วผมไม่ทำจนเรียบร้อย หยุดสถานการณ์ไม่ได้ ผมก็เป็นกบฎสิครับ มันจบของผมไปแล้วตรงโน้น รัฐบาลผมก็เป็นนายกฯตามกฎหมาย อย่าไปย้อนกลับไปกลับมา ไม่จบซักที ต้องดูเป็นนายกฯ ทำอะไรให้ประเทศบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว