นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟชบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกี่ยวกับการประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากร ที่จะรวมการประมูลพื้นที่ใน 4 สนามบิน สุวรรณภูมิ หาดใหญ่ ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยรูปแบบการประมูลสัญญาแบบรายเดียว (Master Concession) ส่วนสัญญาการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยหาผู้ประกอบการเพียงรายเดียวเช่นกันว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) จะต้องเปิดประมูลร้านค้าปลอดอากร (DUTY FREE) ทั้ง 4 สนามบินเป็นสัญญาเดียว และไม่เห็นด้วยการใช้ระบบประมูลสัญญาแบบรายเดียว ที่จะให้ผู้ประกอบการรายใหญ่รายเดียวให้ได้รับสัมปทานไป
"เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาการผูกขาดทางการค้าของกลุ่มทุนใหญ่ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับสังคมไทย การผูกขาดสัมปทานสินค้าปลอดอากร หรือ DUTY FREE ทำให้กลุ่มทุนเพียงไม่กี่กลุ่ม สามารถสะสมทุนมูลค่ากว่าแสนล้านบาทได้ในเวลาสิบปี
น่าเคลือบแคลงใจเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุใดจึงต้องมีการเร่งรัดการดำเนินการทั้งๆ ที่สัมปทานฉบับปัจจุบันจะหมดสัญญาลงในปี พ.ศ. 2563 เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ ทอท. ยุติการประมูลสัญญา DUTY FREE ฉบับใหม่ หากไม่สามารถตอบคำถามของประชาชนได้ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเอื้อให้เกิดการผูกขาดหรือไม่" นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ระบุอีกว่า พรรคอนาคตใหม่ เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ควรจะยุติการเปิดประมูลร้านค้าปลอดอากร เพราะอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์นี้ ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น เราควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้ดำเนินการต่อ แทนรัฐบาลทหารที่ไม่ได้มาจากความต้องการของประชาชน
ซึ่งทางพรรค ยืนยันว่า การประมูลสัมปทานสินค้าปลอดอากรครั้งนี้ ควรเป็นแบ่งเป็นสัมปทานรายหมวดหมู่และตามพื้นที่ เพื่อให้มีผู้ชนะประมูลหลายเจ้า เกิดการแข่งขันกันอย่างเสรี เป็นธรรม และควรเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการแบ่งสรรพื้นที่พาณิชย์บางส่วนเป็นสัมปทานสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ประกอบการคนไทยเป็นเจ้าของโดยเฉพาะด้วย อาทิ สินค้า OTOP เป็นต้น
"พรรคอนาคตใหม่ประเมินว่า หากสัญญาสัมปทานร้านค้าปลอดอากร จัดทำเป็นแบบแยกสัญญาตามหมวดหมู่สินค้า ยกเลิกผูกขาดจุดส่งมอบสินค้าในสนามบิน จะทำให้มีรายได้นำส่งรัฐเพิ่มขึ้นราว 4 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยงบประมาณจำนวนดังกล่าว สามารถนำไปจัดสรรเป็นงบประมาณด้านอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ หลายท่านต่างทราบดีว่ากลุ่มทุนที่เป็นเจ้าของสัมปทานดังกล่าวอยู่ขณะนี้ เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนแก่พรรคการเมืองบางพรรค นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ประชาชนไม่ควรสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค เพราะมีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มทุนผูกขาดรายใหญ่ในประเทศอย่างชัดเจน" นายธนาธร กล่าว