นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีมีข่าวการสั่งการให้นายอำเภอเกณฑ์คนไปฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปราศรัยที่จังหวัดแพร่ โดยช่วงนี้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดต้องระมัดระวังเรื่องการใช้งบประมาณและทรัพย์สินราชการเอื้อประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่ง โดยเฉพาะเอื้อประโยชน์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ หนึ่งในผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
"ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการเอาเปรียบกันทางการเมือง ถ้าไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ ข้าราชการจะดำเนินการอย่างไรคงไม่ได้มีผลเสียหาย แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ อาจทำให้เกิดมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้น แม้อ้างว่าไปราชการก็ถือว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เรื่องนี้อยากเรียกร้องให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบว่า การเกณฑ์คนลักษณะดังกล่าวทำได้หรือไม่" นายองอาจ กล่าว
ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ช่วง 7 วันก่อนถึงวันลงคะแนน พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการไปตรวจราชการเกือบทุกวันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยเป็นการส่อเจตนาของการแอบแฝงหาเสียงหรือไม่ กกต.ต้องไปตรวจสอบ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เขียนสารเตือนพรรคการเมืองต่างๆ ให้ระมัดระวังการหาเสียงที่ใช้งบประมาณจำนวนมากนั้น นายองอาจ กล่าวว่า นายกฯ ควรเตือนพรรคพลังประชารัฐที่เอาชื่อท่านไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก่อนพรรคการเมืองอื่นจะดีกว่า เพราะพรรคพลังประชารัฐมักออกนโยบายประชานิยมสุดขั้ว เกทับบลัฟแหลก เพิ่มจำนวนเงินในนโยบาย อาทิ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่พรรคการเมืองอื่นนำเสนอนโยบายซึ่งสามารถปฏิบัติได้จริง เช่น ประชาธิปัตย์ เสนอประกันรายได้ของผู้ใช้แรงงานประมาณวันละ 400 บาท แต่พลังประชารัฐมาเกทับเพิ่มเป็น 425 บาท เป็นต้น เป็นประชานิยมสุดขั้ว อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ วินัยการเงินการคลัง ภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของราคาแพงขึ้นมาโดยทันที
"การมุ่งหวังได้คะแนนเสียงเฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายใดๆ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง นายกฯควรรีบไปเตือนพลังประชารัฐว่าระยะเวลาที่เหลือ 7 วันนับจากนี้ ไม่ควรออกนโยบายประชานิยมสุดขั้ว กระทบต่อประเทศชาติโดยรวมอีก โดยเฉพาะนโยบายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ จะกระทบอย่างมากต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อีกทั้งยังกระทบต่อการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไปประเทศอื่นอีกด้วย" นายองอาจ กล่าว