นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรมว.คมนาคม พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในเขตพื้นที่ กทม. อาทิ นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางเขน, นายการุณ โหสกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง, นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่ จตุจักร, นายประพนธิ์ เนตรรังษี ผู้สมัคร ส.ส.เขต ราชเทวี พญาไท จตุจักร, นายพงศ์พันธ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด บางกอกน้อย และ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ ดุสิต ในนามทีมอเวนเจอร์ กทม. และ "กทม.ลุย!"ด้เดินทางโดยรถเมล์จากหน้ากรมทหารราบที่11 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต ก่อนสิ้นสุดจุดสุดท้ายที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม เพื่อสำรวจปัญหาการจราจรของคนกรุงเทพ
นายชัชชาติ กล่าวว่า รถเมล์เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของคนกรุง เปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอยที่จะเชื่อมโยงทุกพื้นที่ แต่ปัจจุบันมีปัญหา ซึ่งจุดนี้ต้องเร่งรัดแก้ไข โดยอย่างน้อยต้องมีรถเมล์ 4,000 คันเป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรถเมล์ต้องมีสองขนาด แยกเป็นขนาดปกติและขนาดเล็กเพื่อจะใช้ในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม และต้องเปลี่ยนแปลงให้มีการใช้ตั๋วร่วมโดยใช้ใบเดียวเพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ซึ่งรถเมล์ปัจจุบันมีประมาณ 214 สาย และหลายสายวิ่งทับเส้นทางกัน เช่น ที่ลาดพร้าวประมาณ 20 สาย อนาคตหากมีตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถต่อสายโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารเพิ่ม และกำหนดราคาไม่เกิน 15-20 บาท
นอกจากนี้ หลังจากลงพื้นที่พบว่ามีการก่อสร้างหลายโครงการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารที่สูงขึ้น และมีเจ้าภาพหลายราย อาทิ บางโครงการเป็นของ กทม. บางโครงการเป็นของการถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อีกทั้งการที่ประชาชนต้องเดินทางการหลายต่อก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ ซึ่งนโยบายเพื่อไทย มีแนวคิดที่จะรวมให้มีการจัดการเพียงหนึ่งเดียว แม้ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเพราะมีการเปิดสัมปทานในแต่ละโครงการ ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องศึกษาในจุดนี้เพื่อหาทางออกในควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมต่อประชาชนที่สุด