อิหร่านลั่นจะตอบโต้ขั้นรุนแรงหากยูเอ็นรับมติคว่ำบาตรครั้งใหม่

          นายมานูเชอร์ มอตตากี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า  อิหร่านจะแสดงปฏิกริยาตอบโต้อย่างรุนแรงและเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยอมรับมติคว่ำบาตรฉบับที่ 3 ซึ่งมีการกำหนดมาตรการลงโทษอิหร่านเพิ่มขึ้น
          "เราหวังว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น" มอตตากิกล่าวในการแถลงข่าว โดยเขาตอบคำถามของนักข่าวเกี่ยวกับปฏิกริยาของอิหร่านในกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงรับมติครั้งใหม่ที่เสนอโดย 6 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย และเยอรมนี
          "มิเช่นนั้น อิหร่านก็จะดำเนินการตอบโต้ขั้นรุนแรงและเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเราจะประกาศให้ทราบในภายหลัง" เขากล่าว
          ทั้งนี้ มอตตากิได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงรอจนกว่านายโมฮัมเหม็ด เอลบาราเด ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) จะนำเสนอรายงานต่อคณะกรรมการ IAEA ในเดือนก.พ.นี้ ซึ่งเขาระบุว่า รายงานดังกล่าวจะทำให้คณะมนตรีฯต้องประกาศให้มติสองครั้งก่อนเป็นโมฆะ
          คำกล่าวของนายมอตตากิมีขึ้นในขณะที่ประเทศสมาชิกของคณะมนตรีฯ มีกำหนดการที่จะอภิปรายเกี่ยวกับร่างมติใหม่ซึ่งกำหนดบทลงโทษต่ออิหร่านในวันนี้
          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจตะวันตกเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบ 6 ปีก่อน เนื่องจากข้อสงสัยที่ว่ามีการลักลอบผลิตอาวุธร้ายแรงภายใต้โครงการนิวเคลียร์ที่อิหร่านอ้างว่ามีขึ้นเพื่อสันติและพลเรือน
          จนถึงปัจจุบัน คณะมนตรีความมั่นคงได้อนุมัติมติคว่ำบาตรอิหร่านไปแล้ว 2 ฉบับ โดยฉบับแรกเมื่อเดือนธ.ค.2549 และอีกฉบับในเดือนมี.ค.2550 เพื่อบีบให้อิหร่านระงับการดำเนินกิจกรรมเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมและยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ในประเทศ