นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานอย่างหนักในช่วงโค้งสุดท้ายพบว่า กระแสของพรรคพลังประชารัฐในภาคอีสานดีขึ้นเรื่อยๆ หากวัดกับพรรคใหญ่เจ้าของพื้นที่เดิม เราอาจจะมีดีพอที่จะเบียดพวกเขาตกขอบไปได้เลย การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะมีการพลิกล็อคถล่มทลายที่พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.อีสาน ในหลายพื้นที่สูงมากๆ จากการผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง
"ครั้งนี้รู้สึกได้ว่าภาคอีสานให้การตอบรับพรรคเราดีมาก ซึ่งชาวอีสานชื่นชอบในนโยบายของพรรคที่ทำได้จริงและทำได้เลย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายด้านการเกษตร การพักหนี้กองทุนหมู่บ้านและโครงการมารดาประชารัฐ ถือว่าพรรคเราทำนโยบายได้เข้าเป้าและโดนใจประชาชนมากๆ"
นายอนุชา กล่าวถึงนโยบายเรื่องข้าวของพรรคถือได้ว่าตอบโจทย์การป้องกันการทุจริตที่มีตัวอย่างให้เห็นจากรัฐบาลก่อนๆ สามารถทำได้จริงและทำได้ทันที การช่วยเหลือค่าปลูกข้าวและค่าปรับปรุงดินไร่ละ 1,500 บาทและค่าเกี่ยวข้าวไร่ละ 2,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ ชาวนาจะได้ค่าช่วยเหลือไร่ละ 3,500 บาท รวมแล้วจะได้ครอบครัวละ 70,000 บาท ซึ่งส่งถึงมือพี่น้องชาวนาโดยตรง ลบข้อครหาการทุจริต ไม่เหมือนกับนโยบายของบางพรรคที่ให้เป็นตันหรือเป็นเกวียน หากบางครอบครัวมีผลผลิตน้อยไม่ถึงตามโควต้า อาจเกิดการทุจริตนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ ตรงนี้ถือว่านโยบายของพรรคปิดช่องโหว่ตรงนี้ได้หมด
การช่วยเกษตรกรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ หากเกษตรกรมีรายได้ดีก็สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ขณะนี้ตลาดของไทยยังต้องพึ่งพาเม็ดเงินจากภาคการเกษตรมากกว่าอุตสาหกรรม หากเกษตรกรอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้นและไม่เป็นหนี้ พวกเขามีเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก ช่วยให้การขับเคลื่อนของเศรษฐกิจดีขึ้น
"เราทำนโยบายนี้โดยไม่ได้คิดถึงคะแนนนิยมเป็นหลัก แต่ทำเพื่อพัฒนาเกษตรกรไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าเราทำนโยบายได้ตอบโจทย์ ถูกใจพี่น้องเกษตรกร ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดีและเป็นโยบายที่ทำได้จริง ตรงนี้จะเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้คะแนนของพรรคสูงขึ้น"