แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน(พปช.) เผยยกร่างนโยบายรัฐบาล "สมัคร 1" ยึดแนวนโยบายของ พปช.เป็นหลัก เตรียมนำเสนอพรรคร่วมรัฐบาล กำหนดเป้าหมาย 7 เรื่อง ได้แก่ สร้างความสมานฉันท์ให้เป็นวาระแห่งชาติ, กระตุ้นเศรษฐกิจ,เร่งการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็คต์, ส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทน, พัฒนาทรัพยากรมนุษย์, ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารราชการ
"รัฐบาลมีแนวนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินโดยยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยครอบคลุมแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติในหมวด 5 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" แหล่งข่าว กล่าว
ตามเจตนารมย์ยุทธศาสตร์และนโยบายดังกล่าวมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพ สร้างความปรองดอง และความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาระบบเศรษฐกิจแบบยั่งยืนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประเทศเพิ่มความเข้มแข็งในทุกภาคส่วน รวมถึงการพัฒนาภาคสังคมและการเมืองของประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยทุกคน
แหล่งข่าว กล่าวว่า นโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นเรื่องแรกคือ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เป็นวาระแห่งชาติ ตามด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มทุนหมุนเวียน เตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเพื่อประชาชน โดยใช้มาตรการเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย และขยายโอกาสให้แก่ประชาชน
*อัดประชานิยมกระตุ้นศก. พักชำระหนี้-ฟื้นโคล้านตัว-ดันปีท่องเที่ยวไทย-ส่งเสริมพลังงานทดแทน-ยกเลิก 30%
มาตรการด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ เร่งรัดกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีผลต่อรายได้ของประชาชน, ส่งเสริมการจัดตั้งฟาร์มโคที่มีคุณภาพ พร้อมสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตโคคุณภาพ"โคล้านตัว วัวแสนฟาร์ม", ยกเลิกมาตรการกันเงินทุนสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ หวังกระตุ้นภาวะการณ์ลงทุนในระบบเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง,
พักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้สร้างรายได้ใหม่, จัดสรรงบฯ เอสเอ็มแอล โดยหมู่บ้านขนาดเล็ก 3 แสนบาท หมู่บ้านขนาดกลาง 5 แสน บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 7 แสนบาท
ประกาศให้ปี 2551-2552 เป็น "ปีการท่องเที่ยวไทย ประทับใจไทยแลนด์" เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และประกาศความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำรายได้จากการท่องเที่ยวมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวจากปีละ 14 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน,
บริหารการคลังอย่างมีเสถียรภาพ เรื่องการรักษาวินัยการคลัง การจัดทำแผนบริหารทรัพย์สินและหนี้สาธารณะ, เร่งพัฒนาและฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินให้สามารถทำหน้าที่เกื้อกูลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจได้ตามปกติ, ส่งเสริมการพัฒนาและต่อยอดภายใต้แนวทาง "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระยะที่ 2" ภายใต้การส่งเสริมให้เกิดกลไกทางการตลาดของสินค้า,
ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ สร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุน, ปรับปรุงระบบภาษีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ, สนับสนุนการใช้หลักคุณธรรม จริยธรรม และหลักธรรมาภิบาล, รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
นอกจากนี้ ยังเร่งผลักดันให้เริ่มดำเนินการลงทุนภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่(เมกะโปรเจ็คส์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มทุนหมุนเวียน เตรียมความพร้อมวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเพื่อประชาชน โดยการอัดฉีดเงินลงทุนหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจ ในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรองรับการขยายตัวของการค้าการลงทุน,
วางโครงข่ายคมนาคมและระบบขนส่งสินค้าครบวงจร(โลจิสติกส์) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและการเดินทางที่รวดเร็ว ปลอดภัย, ส่งเสริมให้เกิดโครงข่ายคมนาคมทางรถไฟ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง และขยายรางให้ได้มาตรฐานเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน, พัฒนากองเรือพาณิชยนาวี เพื่อเพิ่มศักยภาพ อำนวยความสะดวก รวดเร็วและลดต้นทุนค่าขนส่งขนส่งสินค้าทางทะเลของไทย, ส่งเสริมการสร้างถนนเพื่อการขนส่งสินค้าทางการเกษตร เชื่อมโยงระหว่างหมู่บ้าน และตำบล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรมายังตลาดหรือแหล่งรับซื้อ และปรับสร้างระบบโครงข่ายรถไฟฟ้าเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร
นโยบายด้านพลังงานจะส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย พัฒนา ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนจากธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดความสมดุลกับสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอันก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ ได้แก่
สนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานแบบผสมผสาน ปรับสัดส่วนการใช้พลังงานในการขนส่งจากน้ำมันเป็นก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นทรัพยากรภายในประเทศอันเป็นแหล่งพลังงานหลักของประเทศอย่างจริงจัง เพื่อลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และมลภาวะอากาศ อันเป็นการส่งเสริมให้เกิดสุขภาพที่ดีของประชาชน และเป็นการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยมุ่งส่งเสริมการขยายสถานีบริการแก๊สให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวแก่ประชาชน,
ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงแดด(โซล่าเซลล์) พลังงานลม ทดแทนการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง, ส่งเสริมการปลูกอ้อย และมันสำปะหลัง ทั้งเพื่อเป็นอาหารและเพื่อเป็นการผลิตเอทานอล ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการขยายการตั้งโรงงานผลิตเอทานอลให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งยังส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อผลิตพลังงานไบโอดีเซล เช่น ปาล์มน้ำมัน สบู่ดำ ข้าวฟ่างหวาน ข้าวโพด ไม้โตเร็ว รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานจากชีวมวลอื่น เช่น แกลบ เป็นต้น,
ส่งเสริมการจัดหาและการใช้พลังงานทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเร่งสำรวจพัฒนาและจัดหาแหล่งพลังงานทดแทน รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแนวใหม่เพื่อการประหยัดพลังงาน
*นโยบายสังคม-ศึกษาฯ สานต่อปฏิรูปการเรียนรู้-พัฒนาครูช้างเผือก-ชูอัจฉริยะสร้างได้
นโยบายด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รัฐบาลจะสร้างยุทธศาสตร์การแสวงหาองค์ความรู้เพื่อสร้างโอกาสให้ชีวิต โดยการปฏิรูประบบการศึกษา หลักสูตรการศึกษา เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ โดยปฏิรูปการเรียนรู้ ยึดหลักผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักการเรียนรู้ด้วยตนเองและหลักการเรียนรู้ตลอดชีวิต เน้นพลังความคิดสร้างสรรค์ การสร้างนิสัยรักการอ่าน การจัดให้มีห้องสมุด ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน และสื่อการเรียนรู้ประเภทต่างๆ อย่างทั่วถึง,
ให้โอกาสการเรียนรู้แก่นักเรียน เรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ มีงานทำระหว่างเรียน ให้นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้เรียนฟรี, โครงการเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง ให้นักเรียนนักศึกษามีเงินยืมเรียนในระดับการศึกษาที่สูงกว่าขั้นพื้นฐาน สานต่อโครงการเงินกู้ยืมเรียนที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นกับเยาวชนจากการหารายได้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาและสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชน,
พัฒนาครูของชาติ สรรหาบุคคลากรที่มีศักยภาพ "ครูช้างเผือก" เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การศึกษาของชาติ ตลอดจนนวัตกรรมการศึกษาจากในและนอกระบบการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน, ส่งเสริมวิชาชีพครูให้มีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับนับถือ และไว้วางใจจากสาธารณชนรวมทั้งพัฒนาและผลิตครูที่มีคุณภาพและคุณธรรม,
ปรับโครงสร้างหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปรับโครงสร้างหนี้สินครู และบุคคลากรทางการศึกษาอย่างจริงจัง, สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งความรู้ ข่าวสารข้อมูล และสร้างรายได้ เพื่อแสวงหาความรู้ในการพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน และการทำงาน เพื่อให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น,
โครงการสื่อการศึกษา "ครูเสมือนจริง" ในพื้นที่ที่ขาดแคลนครู โดยพัฒนาสื่อการศึกษาทั้งระบบ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาให้สูงขึ้นโดยการสร้างสื่อการศึกษาเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ยากให้ผู้เรียนเข้าใจง่าย กระจายผ่านสื่อที่มีประสิทธิภาพ, ขยายโครงการอุทยานการเรียนรู้ในรูปแบบ "ห้องสมุดมีชีวิต-TK Park" ให้ทั่วถึง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค,
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ "อัจฉริยะสร้างได้" เปิดโอกาสให้ประชาชนค้นหาความถนัดของตนเอง และพัฒนาศักยภาพในทักษะด้านนั้น, วิทยาลัยชุมชนเพื่อพัฒนาศักยภาพจังหวัด พัฒนาวิทยาลัยชุมชนให้เป็นองค์กรถ่ายทอดองค์ความรู้ตามศักยภาพจังหวัดแก่ OTOP และ SMEs ในระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ,
จัดให้มีโครงการมหาวิทยาลัยวิจัยขยายขีดความสามารถของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐให้เป็นสถาบันหลักในการศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพของทรัพยากรพื้นที่ของแต่ละจังหวัด และจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา เพิ่มโรงเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอน การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาทั่วทุกภูมิภาค
รัฐบาลมีแนวทางบริหารเพื่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก มีนโยบายที่จะพัฒนาการเมืองของประเทศไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถปกครองตนเอง และพิทักษ์สิทธิของตนได้ รวมทั้งจะมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใส และขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้บริการประชาชน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคมและเอื้อต่อการพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต มีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจน โดยจะยึดปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
และนโยบายด้านการบริหารราชการ โดยจัดระบบงบประมาณของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ให้สอดคล้องและต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกับการพัฒนาของประเทศ และมีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการใช้งบประมาณของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม จังหวัดและท้องถิ่น รวมถึงการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายด้านงบประมาณให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวและแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น ให้มีระบบควบคุมตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--