นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสตอบรับพรรคพลังประชารัฐ ในช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนการออกเสียงเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ว่า จากการประเมินคะแนนนิยมที่มีต่อพรรคในหลายช่องทางแล้วพบว่ามีกระแสตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พรรคมีโอกาสมากต่อบทบาทผู้นำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคประเมินคะแนนที่ได้รับเบื้องต้น คาดว่าจะทำให้ได้ส.ส.เข้าสภามากถึง 140 -150 ที่นั่ง และในทางปฏิบัติการฟอร์มตั้งรัฐบาลทุกสมัยที่ผ่านมา คือ พรรคที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ โดยพรรคมั่นใจว่าจะสามารถรวบรวบเสียงให้ได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ที่มี 500 เสียง คือ 250 เสียงได้แน่นอน
นายอุตตม กล่าวถึงการเลือกพรรคการเมืองมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มองพรรคการเมืองใดเป็นพิเศษหรือมีใครอยู่ในโควตา เพราะต้องรอดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ก่อน และเมื่อรับทราบถึงผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พรรคจึงจะหารือเพื่อรวบเสียงจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
"พรรคพลังประชารัฐจะแตะมือกับใครนั้นขึ้นอยู่กับเสียงที่ได้ แต่ตอนนี้ภาพเริ่มชัดเจนจากแนวทางการนำเสนอนโยบายของหลายพรรค โดยพรรคมีจุดยืนต่อการร่วมรัฐบาล เพียงสิ่งเดียวคือ การมีอุดมการณ์เดียวกันต่อการทำงานเพื่อสร้างและทำประโยชน์เพื่อประชาชนได้อย่างแท้จริง ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปประเทศ และทำให้ชาติพัฒนาก้าวหน้า คนไทยต้องไม่มีความเหลื่อมล้ำ ส่วนพรรคไหนที่มีพฤติกรรมที่ทำผิดกฎหมาย ผิดกติกา หรือมีพฤติกรรมขัดกับธรรมเนียมของสังคม แน่นอนว่าพรรคจะไม่พิจารณาร่วมทำงานด้วย" นายอุตตม กล่าว
หัวหน้าพรรค พปชร. ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พปชร.จะร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ตนเองไม่อยากให้ทุกพรรคการเมืองสร้างเงื่อนไขใดๆ ในทางการเมือง และทุกพรรคควรเน้นเรื่องนำเสนอนโยบายให้ประชาชนตัดสินใจก่อนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ว่าควรใช้สิทธิลงคะแนนเลือกพรรคไหน ที่นำเสนอนนโยบายซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
"ผมไม่อยากให้ทุกพรรคเน้นว่าจะร่วมมือหรือร่วมงานกันใคร หรือพรรคไหนได้หรือไม่ เพราะยังไม่ถึงเวลา เพราะสิ่งที่ประชาชนคาดหวังที่สุดตอนนี้ คือ คนที่มีศักยภาพเข้าไปทำงานเพื่อประเทศ และแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างแท้จริง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเชื่อมั่นในศักยภาพว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เหมาะกับความต้องการของประชาชน" นายอุตตม กล่าว