พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ข้นเวทีปราศรัยใหญ่พรรคพลังประชารัฐในกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ท่ามกลางกองเชียงที่มาร่วมรับฟังพร้อมมอบดอกกุหลาบแดงให้ตลอดทาง โดยเริ่มจากการกล่าวทักทายว่าจะพาประชาชนทั้ง 77 จังหวัดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม และขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ พร้อมรับปากว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด โดยได้จัดทำเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไว้แล้ว ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในชาติ
"ต่อจากนี้ไปต้องลดความขัดแย้ง นำความรักความสามัคคีกลับคืนมา ต้องไม่มีวิกฤตเกิดขึ้นอีก ขอบคุณทุกกำลังใจ...ผมให้ท่านกลับไปเต็มที่ทั้งชีวิตและจิตใจ ผมยอมตายเพื่อแผ่นดินนี้ ที่ให้ผมเกิด ให้ผมนอน ให้มีอาชีพ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ"เปิดใจประชารัฐ ร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว"ที่สนามเทพหัสดิน เพื่อส่งท้ายการหาเสียงเลือกตั้ง'62 โดยมีบรรดากองเชียร์ได้ทยอยเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงบ่ายก่อนที่จะเริ่มงานในเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นการเปิดตัวผู้บริหารพรรคและผู้สมัคร ส.ส.ในกรุงเทพฯ บนเวทีเพื่อร่วมกันร้องเพลงธงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี
การปราศรัยเริ่มด้วยการฉายวิดิทัศน์ประมวลภาพการลงพื้นที่และการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา ต่อด้วยการแนะนำแกนนำพรรคและปราศรัยทักทายกองเชียร์ของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค โดยย้ำให้เห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขต่อไป
หลังจากนั้นเป็นการปราศรัยของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ ที่ชูสโลแกน "เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่" โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีศักยภาพเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าสามารถดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ดังนั้นประชาชนจึงสามารถวางใจที่จะฝากให้ดูแลอนาคตของประเทศชาติได้
"จงคิดดูว่าเราจะฝากอนาคตลูกหลานไว้กับใคร บางคนอาจลืมไปแล้วว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมากรุงเทพฯเกิดอะไรขึ้น มีการสุมไฟ ก่อจราจล เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาก็ไม่มีเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอีก ไม่มีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเกิดขึ้นอีก เราอยากให้ลูกหลานมีความเสี่ยงอีกหรือ เราอยากให้คนกรุงเทพปลอดภัย สงบสุข ก่อนหน้านี้สองพรรคใหญ่ผลัดกันเป็นรัฐบาล แล้วสร้างความวุ่นวายให้ประเทศไทย" นายพุทธิพงษ์ กล่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้มั่นใจแล้วว่าพรรคจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี เพราะมีนโยบายคิดเองเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ซึ่งไม่จำเป็นต้องสวยหรู ที่ผ่านมา 20 -30 ปีรถไฟฟ้าใน กทม.มีเพียง 2 เส้นทาง แต่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างรถไฟฟ้า 7 เส้นทาง แต่ก็ยังถูกบางพรรคการเมืองโจมตีในลักษณะพูดเอามัน ทั้งที่เป็นเรื่องชีวีติความเป็นอยู่ของประชาชน ขอให้ประชาชนคิดอย่างรอบคอบไม่ควรเลือกเอาสนุกตามกระแส
และปิดท้ายด้วยการปราศรัยของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคว่า ตนเองไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ แต่ขอเสนอตัวเข้ามาทำงานให้ประชาชนตามกฎกติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นไปตามที่วาทกรรมของนักการเมืองคู่แข่งที่กล่าวหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ซึ่งอยากให้ประชาชนได้พิจารณาว่าจะมอบความไว้วางใจให้กับพรรคการเมืองใดเข้าไปบริหารประเทศ เพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศในช่วงก่อนที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาบริหารประเทศมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไม่ถึงปีละ 1% แต่ล่าสุด GDP อยู่ที่ระดับ 4%
"เราไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะกลับไปสู่วังวนเดิม พล.อ.ประยุทธ ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางเดียวสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวไปให้พีน้องมีอนาคตสดใส"นายอุตตม กล่าว