คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ย้ำแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ขอเวลา 6 เดือน และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ เพราะจากผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็สามารถประสบความสำเร็จจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและมีนโยบายสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ภายในระยะเวลาไม่นานมาแล้ว แม้จะเข้ามาบริหารประเทศหลังจากผ่านวิกฤติต้มย้ำกุ้งในปี 40 ม
"สิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว คือรัฐบาลไทยรักไทย หลังปี 40 ใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนด 2 ปี รัฐบาลทักษิณ ฟื้นเศรษฐกิจได้ภายในปีแรก และคืนเศรษฐกิจที่ดีในยามที่ยากลำบากที่สุด จากประเทศลูกหนี้ กลายเป็นประเทศผู้ให้กู้ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เคยมีคนดูถูกว่าทำไม่ได้ แต่สมัยที่เป็น รมว.สาธารณสุข เราสามารถเริ่มโครงการใน 6 เดือนแรก ช่วยประชาชนให้มีสิทธิรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน จนถึงวันนี้ 17 ปีแล้ว" คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
นอกจากนี้ พรรคจะเข้าแก้ปัญหาการระบาดของยาเสพติด เนื่องจากปัจจุบันยาเสพติดระบาดหนัก และมีราคาถูก หาซื้อง่าย ซึ่งหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ให้หมดไปภายใน 6 เดือน เพราะที่ผ่านมามีผลงานที่พิสูจน์ได้ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยแล้ว โดยสามารถบำบัดผู้ติดยาเสพติดกว่าแสนคนได้สำเร็จ และส่งคืนกลับสู่ครอบครัวเพื่อไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ
"วันนี้ เรามาแสดงความพร้อม ว่าเราพร้อมจะพาพี่น้องออกจากความทุกข์ ความยากจน ความสิ้นหวัง ทั้งหมดนี้อยู่ที่ปลายปากกาของทุกคน ในวันที่ 24 มีนาคม" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
การปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทยวันนี้จัดขึ้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ มีบรรดาแกนนำและผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ทยอยขึ้นเวทีเรียกน้ำย่อย เช่น นายอดิศร เพียงเกษ, นายวัฒนา เมืองสุข, นายดนุพร ปุณณกันต์, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายโภคิณ พลกุล, นายนพดล ปัทมะ และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ซึ่งใช้เวลาพูดคนละประมาณ 15-20 นาที
จากนั้นเป็นการขึ้นเวทีปราศรัยโดย 3 แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค เริ่มจากนายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 โดยได้กล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปหรือปรับปรุงกฎหมายกว่า 1,500 ฉบับ ที่มีขั้นตอนยุ่งยาก เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ ซึ่งเห็นว่าจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้เหลือไม่เกิน 300 ฉบับซึ่งจะมีอยู่เฉพาะกฎหมายที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อช่วยหนุนให้ภาคธุรกิจมีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น
ยกตัวอย่างกฎหมาย 3 ฉบับที่หากได้เป็นรัฐบาล จะมีการยกร่างกฎหมายขึ้น เช่น 1.กฎหมายที่อนุญาตให้นำอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไปปล่อยให้ต่างชาติเช่าได้ ซึ่งปัจจุบันยังติดขัดในข้อกฎหมายที่ไม่สามารถทำได้ ในลักษณะเดียวกับที่ Airbnb ทำ เพื่อหนุนให้คนไทยมีรายได้ในส่วนนี้
2. จะยกร่างกฎหมายที่อนุญาตให้สามารถรายย่อยสามารถผลิตคราฟท์เบียร์ได้ อย่างถูกกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน หรือใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นฐานในการผลิตดังเช่นในปัจจุบัน และอนุญาตให้มีการโฆษณาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดการผูกขาดการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากผู้ผลิตรายใหญ่ไม่กี่รายในประเทศ
3. การออกกฎหมายให้มี หวยบำเหน็จ หรือ สลากการออมแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นทางเลือกหนึ่งของการสะสมเงินออมไว้ใช้ในยามสูงอายุ ซึ่งสามารถสะสมสิทธิในการซื้อหวยบำเหน็จได้ตั้งแต่บรรลุนิติภาวะขึ้นไป ซึ่งหากซื้อสลากแล้วไม่ถูกรางวัล ก็นำไปเข้าบัญชีกับธนาคาร ที่เบื้องต้นอาจจะเริ่มจากธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารออมสิน แล้วสะสมไว้จนถึงอายุ 60 ปีจึงสามารถไถ่ถอนได้ แต่หากเสียชีวิตก่อน ก็ให้ทายาทเป็นผู้รับผลประโยชน์แทน หรือจะนำไปใช้เพื่อการทำฌาปนกิจก็ได้เช่นกัน
"การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุด ต้องตัดสินชะตาชีวิต ว่าท่านจะอยู่กับรัฐบาลปฏิวัติต่อไป หรือออกจากรัฐบาลนี้ ถ้าอยู่ต่อไป ก็อาจจะ 4 หรือ 8 ปี ขอความร่วมมือจากท่าน ให้เลือกเพื่อไทยให้ถล่มทลาย เพื่อสู้กับ ส.ว.250 คนให้ได้...ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรายินดีสนองความต้องการของประชาชน เรายินดีดูแลพวกท่านให้ดีที่สุด เห็นใจที่อยู่ในความลำบากมา 4 ปีกว่า หวังว่าหลังจาก 24 มี.ค.เราจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายชัยเกษมกล่าว
จากนั้นนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี คนที่ 2 ของพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยถึงเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่ามีลักษณะชัดเจน 3 อย่าง คือ 1.แข็งบนอ่อนล่าง หมายถึงคนรวยมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่คนตัวเล็กคนฐานรากมีความยากลำบาก เศรษฐกิจรวยแบบกระจุกจนกระจาย แม้จีดีพีของประเทศจะเติบโตปีละ 3-4% แต่เม็ดเงินก็ไม่ได้ลงมาถึงฐานรากอย่างแท้จริง
2.แข็งนอกอ่อนใน หมายถึง การที่ประเทศเน้นพึ่งพาการส่งออกสินค้าและบริการ ในขณะที่ภาคการบริโภคในประเทศกลับอ่อนแอ ไม่มีเงินในกระเป๋า และ 3.เดิมแข็งแต่ปัจจุบันอ่อน หมายถืง เศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนหน้านี้เติบโตปีละ 6-7% แต่ปัจจุบันโตได้เพียง 4% ก็ถือว่าดีมากแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียนค่อนข้างมาก
"ทั้ง 3 ข้อเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง แจกบัตรคนจนไม่ได้ช่วยแก้ เหมือนเป็นไส้ติ่ง แต่แจกยาแก้ปวด แค่บรรเทาอาการปวดเท่านั้น เราต้องซ่อมและสร้าง ใน 4 ปีโดยเพื่อไทย ตอนนี้เศรษฐกิจเหมือนติดหล่ม ต้องหมุน 4 ล้อไปพร้อมกัน 1.ส่งออก ท่องเที่ยว, 2.เพิ่มการลงทุนในประเทศ รัฐบาลใหม่มาต้องสร้างความมั่นใจ 3.การใช้จ่ายภาครัฐ ต้องเร่งเอางบลง 4.กระตุ้นการบริโภคในประเทศ ทำให้กระเป๋าตุง ด้วยการทำ 4 ข้อหลัก คือ ปรับหนี้, เติมเงิน, ลดภาษี, สร้างเศรษฐีใหม่ ซึ่งถือเป็น 4 มาตรการเร่งการบริโภคในประเทศ" นายชัชชาติระบุ
พร้อมกันนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเร่งผลักดันโครงการสำคัญๆ เพื่อช่วยเหลือในทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ เช่น กองทุนปรับหน้าดิน กองทุนคนเปลี่ยนงาน ศูย์สร้างผู้ประกอบการใหม่ หวยบำเหน็จ
"เราเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ เราเป็นนักบริหารมืออาชีพ พร้อมรับใช้ประชาชน และตรวจสอบได้ ประชาธิปไตยที่ดี คือประชาธิปไตยที่ต้องตรวจสอบได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่สามารถตรวจสอบได้...เราเข้าใจอนาคต เข้าใจปัญหาประชาชน และเข้าใจวิธีทำ 17 ปีที่ผานมาพิสูจน์แล้ว" นายชัชชาติกล่าว