นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศความพร้อมบนเวทีปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพมาหนคร โดยระบุว่า วันนี้เราพร้อมเป็นรัฐบาล เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีพรรค ปชป.เพียงพรรคเดียวที่ไม่เคยหยุดเข้าหาประชาชน แม้จะมีการห้ามทำกิจกรรมการเมือง แต่พรรคได้ประกาศนโยบายเป็นพรรคที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาเป็นพรรคแรก จึงพร้อมทำงานทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล
"5 ปีที่ผ่านมา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้ต้องการทะเลาะ ...เราพร้อมจริงๆ เลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ประกาศนโยบายก่อนทุกพรรค และตอบโจทย์ทุกปัญหา จัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไรไม่ต้องศึกษา เดินหน้าแก้อย่างเดียวให้พี่น้องประชาชน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ มีคำตอบคือ ต้องเร่งเพิ่มกำลังซื้อ เติมเงิน เติมรายได้ วิธีที่ประชาธิปัตย์เสนอ คนทำงาน ต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท/เดือน ถ้าไม่ถึงปชป.จะเติมส่วนตางให้เหมือนเกษตรกร ถ่าลูกจ้างอยู่ได้ นายจ้างรอด เศรษฐกิจเดินหน้า"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.ระบุว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย มีผู้สูงอายุที่จะต้องดูแลต่อไปหลาย 10 ปีเพิ่มขึ้นมาก คนวัยทำงานน้อยลง วันนี้เราไม่ได้อยู่โดยลำพังแต่ถูกดดันจากหลายสิ่งหลายอย่างนอกประเทศ ความเหลื่อมล้ำในสังคมเพิ่มขึ้นมาก ไม่แง่เฉพาะรายได้ ความมั่งคั่ง มากกว่ในอดีตมากนัก ทุกข์ของประชาชนคือความท้าทาย นี่คืองานสำคัญที่รัฐบาลหลังเลือกตั้งต้องเร่งจัดการตั้งแต่วันแรก
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะตั้งรัฐบาลที่ปลอดเงื่อนไขและความขัดแย้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเราเสียโอกาสในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยพรรคได้จัดทำงนโยบายพรรคด้วยการส่งทีมงานลงไปศึกษาและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และพบปัญหาค่าแรง ระดับการออมต่ำ และปัญหาผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น
จากปัญหาทั้งหมด พรรคได้ออกชุดนโยบาย "แก้จน สร้างคน สร้างชาติ" ที่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ทันที ซึ่งกนโยบายสามารถทำได้จริง คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง และไม่สร้างความเสียหายกับความมั่นคงเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ภารกิจแรกหากพรรคเข้ามาเป็นรัฐบาล คือ เรื่องแก้จน ด้วยนโยบายประกันรายได้ทั้งเกษตรกรและแรงงานด้วยการจ่ายเงินเข้าบัญชีประชาชนโดยตรง
พร้อมทั้งเพิ่มเงินผู้สูงอายุ และเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 800 บาท สามารถกดเงินสดมาซื้อสินค้าในร้านค้าชุมชนได้ ซึ่งจะช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ สำหรับชนชั้นกลาง พรรคมีนโยบายในการปรับลดภาษีเงินได้ 20 % จากอัตราปัจจุบัน ลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนในวัยเกษียณ และยังคงสิทธิทางภาษีของ LTF-RMF และจะมีการเรียกเก็บภาษีในกลุรมมหาเศรษฐีที่ทำกำไรจากการผูกขาดในสัมปทานของรัฐเพิ่มขึ้น เก็บภาษีธุรกิจที่มีกำไรเกินกว่าปกติ ที่ได้ผูกขาด ได้สัมปทานจากภาครัฐ
พรรค ปชป.จะรักษาวินัยการคลัง โดยเม็ดเงินที่อัดฉีดลงไปจะไม่กระทบต่อวงเงินงบประมาณ นอกจากนี้ จะมีการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น เน้นการกระจายอำนาจ กระจายเงินสู่ท้องถิ่น
ทั้งนี้ นายกรณ์ มองว่า การประกาศเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ยังถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะแม้จะมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี แต่เชื่อว่า ทุกคนสามารถปรับตัวได้ แต่ผู้ที่ยังปรับเปลี่ยนได้ช้าสุด คือระบบราชการภาครัฐ จึงต้องเร่งแก้ปัญหาในเรื่องนี้ด้วย
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ปชป.เรียกคะแนนเสียงจากประชาชนโดยอยากให้ยืนอยู่บนความถูกต้อง สุจริต ซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ จะทำต่อไปนั้นจะสามารถสานต่อสู่ความสำเร็จได้ พร้อมทั้งอยากเห็นบ้านเมืองปกครองด้วยคนดี อย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ
พร้อมทั้งเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก ต้องทำให้เกิดการเลือกตั้งที่สุจริต ไม่มีการโกง หรือซื้อเสียง และไม่ต้องการเห็นการชนะเลือกตั้งที่มาจากการโกงหรือทุจริต เพราะจะทำให้คนที่สุจริตเสียเปรียบได้ พร้อมกับฝากให้ประชาชนต้องไม่รับเงินจากนักการเมือง เพราะจะกลายเป็นมลทินติดตัวไป
นายชวน กล่าวยอมรับว่า ในเขตพื้นที่ภาคใต้อาจจะได้จำนวนส.ส.ไม่เท่าเดิม แต่จะพยายามให้ดีที่สุด และตลอดเวลาที่ลงพื้นที่หาเสียงใน 47 จังหวัด ก็รับทราบถึงปัญหาของประชาชน ซึ่งปัญหาที่สำคัญสุด คือเรื่องปากท้องของประชาชนที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะแก้ปัญหาด้วยการแก้จน สร้างคน สร้างชาติ ซึ่งทุกนโยบายอยู่บนพื้นฐานที่สามารถปฏิบัติได้จริง