นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดแถลงยืนยันความมั่นใจที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองที่มีความเห็นและอุดมการณ์ตรงกัน โดยขณะนี้ยังเดินหน้าหารือกับพรรคการเมืองต่าง ๆ แต่ยังไม่ข้อสรุป และยังไม่ใช่เวลากล่าวอ้างในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าได้พูดคุยกับพรรคใดบ้าง
ทั้งนี้ ไม่ได้กังวลต่อการแถลงข่าวประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะคะแนนเสียงยังไม่เป็นที่ยุติ ซึ่งต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน โดยพรรคเชื่อว่ายังมีเวลาที่จะเดินสายพูดคุย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนที่คาดหวังเห็นการจัดตั้งรัฐบาล ให้เป็นไปด้วยความราบรื่น
"ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดสามารถรวมเสียงเป็นทางการได้ เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ การที่แสดงเจตนารมณ์จัดตั้งรัฐบาลเป็นสิ่งทำได้...ตัวเลขยังไม่นิ่ง เกิดมีใบแดงขึ้นมา มันเปลี่ยนได้เลย แต่หากตัวเลขนิ่งปุ๊ป เดินต่อได้เลย" นายอุตตม กล่าว
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองทั้งพรรคขนาดใหญ่และพรรคขนาดเล็ก ส่วนความคืบหน้าการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคเศรษฐกิจใหม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อว่าได้หารือกับพรรคใดบ้าง แต่ทุกพรรคที่พูดคุยยังคงยืนบนอุดมการณ์ร่วมกัน และพร้อมสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และขอยืนยันว่าไม่ได้มีการนำเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี มาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาต่อรองกับพรรคการเมืองต่างๆ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่ 6 พรรคการเมืองนำโดยพรรคเพื่อไทยได้ร่วมลงสัตยาบันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพร้อมระบุว่ารวมเสียงได้แล้วมากกว่า 255 เสียงนั้นว่า เป็นแค่การใช้กลไกทางการเมืองอ้างความชอบธรรมช่วงชิงโอกาสตั้งรัฐบาล ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดรวมเสียง ส.ส.อย่างเป็นทางการได้ เพราะตัวเลขยังไม่นิ่ง ดังนั้นจะต้องรอให้ กกต. แถลงผลการเลือกตั้ง ส.ส.ก่อน
"ในขณะนี้ยังไม่ทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ การอ้างความชอบธรรม แต่ไม่มีการยืนยันแหล่งข้อมูล เป็นเพียงการพยายามช่วงชิงการรวบรวมเสียงข้างมากเท่านั้น ซึ่งยังมีเวลา และยังมั่นใจว่าพรรคจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล" นายสนธิรัตน์ระบุ
เลขาธิการ พปชร. ยังเรียกร้องให้หยุดการสร้างวาทะกรรม โดยการอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเพียงฝ่ายเดียว เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกคนถือว่าเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตย ถ้าไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยก็ไม่ควรลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงตั้งคำถามกลับไปว่า ประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ 7.9 ล้านเสียง และถือว่าได้คะแนนเสียงมากที่สุด ไม่ต้องเคารพเสียงเหล่านี้ใช่หรือไม่ ซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริงคือการเคารพคะแนนเสียงทุกคะแนนเสียง แล้วมองเสียงอื่นไม่ใช่ประชาธิปไตยได้อย่างไร อย่านำคำว่าประชาธิปไตยมาสร้างความแตกแยกให้ประชาชนหรือความขัดแย้งในสังคม
"วันนี้ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายเผด็จการ วันนี้พรรคมองเห็นว่า บุคคลที่มีความเหมาะสมในสถานการณปัจจุบันนี้ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคพลังประชารัฐยืนยันในจุดยืนว่า พรรคนี้คือพรรคประชาธิปไตยที่ยึดโยงประชาชน พยายามให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ พยายามไม่สร้างวาทะกรรมแบ่งแยกให้เป็นคนละฝั่ง คนละฝ่าย" นายสนธิรัตน์ กล่าว