นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครและพรรคพลังประชารัฐ จนได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 8,433,137 คะแนน โดยมีผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งครบทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร
โดยพรรคพลังประชารัฐ มีแถลงการณ์ดังต่อไปนี้
1. พรรคพลังประชารัฐ ขอยึดมั่นและจะทำหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องรักษาประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข
2. พรรคพลังประชารัฐ ขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในทุกคะแนนเสียงที่ได้เลือกผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดก็ตาม ย่อมถือว่าเป็นสิทธิของประชาชน ผู้ใดก็ตามไม่ควรที่จะนำไปกล่าวอ้างว่าประชาชนที่สนับสนุนฝ่ายตนเองเป็นฝ่ายที่ชอบธรรมแต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะจะนำไปสู่การแบ่งแยกพี่น้องประชาชน อันอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมเหมือนเดิม
3. พรรคพลังประชารัฐ มีจุดยืนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลว่าทุกพรรคการเมืองสามารถรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ในระหว่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้ประกาศและรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (โดยเฉพาะการคำนวณจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ) ดังนั้น การรวบรวมเสียง ส.ส.เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล ย่อมยังจะไม่มีผลทางการเมืองที่จะประกาศชัดเจนว่าขั้วการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเสียงสนับสนุนครบถ้วนถูกต้องแล้ว
นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้แถลงผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ การพูดเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ถือว่ายังไม่สิ้นสุด แต่การพูดคุยเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ดังนั้นเราจะยังไม่แถลงสิ่งใดๆ ก่อนเวลาที่จะรับทราบผลอย่างเป็นทางการจาก กกต.
"ส่วนจะได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ขอยังไม่พูดว่าจะฟอร์มรัฐบาลได้ หรือ รัฐบาลเป็นของเรา เพราะขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ จึงไม่ขอเอ่ยชื่อพรรคการเมืองที่ได้ไปคุยมา" นายอุตตมกล่าว
ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะคุมกระทรวงเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด จึงทำให้พรรคการเมืองอื่นไม่กล้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่มีการต่อรองตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งยืนยันไม่มีการซื้อตัว ส.ส.เพื่อให้มาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่อย่างใด
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. แถลงเรียกร้องให้กกต.ชี้แจงข้อสงสัยต่าง ๆ ที่สังคมตั้งคำถาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งที่ล่าช้า ที่มาของคะแนนภายหลังจากประกาศคะแนนจาก 95% เป็น 100% พร้อมตั้งคำถามกับกกต. ถึงการคิดคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคว่า แม้พรรคจะได้คะแนนรวมเพิ่มมากขึ้นจาก 7.9 ล้านเสียง เป็น 8.4 ล้านเสียง แต่ทำไม ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคลดลง
ส่วนกรณีที่มีการมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะกลายเป็นโมฆะได้นั้น เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องชี้แจงข้อสงสัยจากประชาชน ซึ่งทางพรรคไม่มองไปไกลกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏ รวมถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากมีปัญหาในหลายเขตนั้น เรื่องนี้ถือเป็นดุลยพินิจที่ กกต.จะต้องพิจารณา ซึ่งทางพรรคก็มีการร้องเรียนในหลายเขตเลือกตั้งเช่นเดียวกัน
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า การพูดคุยกับพรรคการเมืองต่าง ๆ ในส่วนของพรคภูมิใจไทยก็ประกาศชัดเจนว่า หลังวันงานพระราชพิธี หลังวันที่ 9 พ.ค.ค่อยมานั่งคุยกัน พร้อมกับย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้แตกต่างจากในอดีต เพราะครั้งนี้มีเงื่อนเวลาในเรื่องงานพระราชพิธี ซึ่งการประกาศผลของ กกต.จะเกิดขึ้นหลังงานพระราชพิธี แม้จะพอเห็นการฟอร์มรัฐบาลได้บ้าง แต่ยังไม่ถึงเวลาด่วนสรุป ก็ต้องรอให้การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากกกต.ให้เสร็จสิ้นก่อน ถึงจะมีการรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ระหว่างนี้พรรคก็จะทำงานของพรรค และเตรียมการเพื่อเข้าร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่ที่สุดในเดือน เม.ย.นี้
ส่วนกรณีที่มีการมองว่าพรรคดูด ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่น เพื่อให้มาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นั้น นายสนธิรัตน์ ระบุว่า การคิดคำนวณ ส.ส.ยังไม่เป็นทางการ จะมาคิดว่าพรรคจะดูดส.ส.ได้อย่างไร พร้อมตั้งคำถามกลับว่า อาจจะมีบางพรรคพยายามดูดตัวส.ส.พลังประชารัฐเช่นเดียวกัน
"กรณีซื้อตัวต่าง ๆ จะซื้อได้อย่างไร คะแนนยังไม่นิ่งเลย แล้วโยนกลับมายังพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนที่จะทำงูเห่า คำถามกลับเป็นคนมาทำงูเห่าพรรคผมบ้างหรือไม่ มาซื้อตัวคนพรรคผมบ้างหรือไม่ อย่าไปปักหมุดอย่างนั้น ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น"นายสนธิรัตน์ กล่าว