เลือกตั้ง'62: เพื่อไทย มีมติยื่นกกต.ทบทวนสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ยันต้องยึดตามรธน. เล็งเอาผิดหากใช้สูตรเดิม

ข่าวการเมือง Wednesday April 10, 2019 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคเพื่อไทย, นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวผลประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยพรรคมีมติจะทำข้อเสนอการคิดคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยยืนยันว่า กกต.ต้องคิดคำนวณให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วพรรคที่ได้คะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน จะไม่ได้รับการคัดเลือกส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

นายชูศักดิ์ ได้อ่านแถลงการณ์ที่ระบุว่า กรณีปัญหาการคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ตามที่สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่ข่าวสารอ้างว่า กกต.ได้เห็นชอบวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามที่สำนักงาน กกต.ได้เสนอ โดยอ้างว่าเป็นวิธีที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งเป็นวิธีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 128 และมาตรา 129 ประกอบกับเจตนารมณ์ของระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลจากการคำนวณตามวิธีการดังกล่าว ทำให้มีพรรคการเมืองได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 25 พรรค ซึ่งรวมถึงพรรคที่มีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าคะแนนต่อ ส.ส. 1 คนด้วยนั้น

พรรคเพื่อไทย เห็นว่า การนำวิธีการคำนวณดังกล่าวมาใช้ จะเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ มาตรา 128 และยังขัดต่อหลักตรรกวิทยาด้วย ดังเหตุผลต่อไปนี้

1. การที่พรรคการเมืองใดจะได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองนั้นต้องได้รับคะแนนไม่ต่ำกว่าจำนวนคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 (1) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 (1) ให้ความสำคัญต่อทุกคะแนนเสียง จึงให้นำทุกคะแนนที่ลงให้กับทุกพรรคการเมืองมารวมกันแล้วหารด้วย 500 คือ จำนวน ส.ส.ทั้งหมด เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส.1 คน ซึ่งจากคะแนนรวมของทุกพรรค 35,532,647 คะแนน หารด้วย 500 ผลลัพธ์คือ 71,065 คะแนน ซึ่งตัวเลขนี้จะเป็นตัวกำหนด ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรคด้วย จึงเห็นได้ว่าหลักการที่ว่าทุกคะแนนเสียงมีค่าและไม่เป็นคะแนนตกน้ำนั้น ได้นำมาใช้ในการคิดคำนวณในส่วนนี้แล้ว

2. จำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคพึงมีนั้น ต้องยึดจำนวนตามที่คำนวณได้เป็นเกณฑ์ จะนำไปเฉลี่ยให้กับพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนนมิได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (2) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 (2) ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับจากทุกเขตเลือกตั้งหารด้วยคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน (71,065 คะแนน) ผลลัพธ์ คือ จำนวน ส.ส.ที่พรรคนั้นจะพึงมีได้เบื้องต้น และเมื่อนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปลบด้วยจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรคนั้น ผลลัพธ์คือจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคนั้นจะได้รับเบื้องต้น ตามมาตรา128 (3) จะเห็นได้ว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมีของแต่ละพรรคก็ดี หรือจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคจะได้รับเบื้องต้นก็ดี ล้วนมีฐานมาจากที่พรรคนั้นต้องมีคะแนนไม่ต่ำกว่าคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน (71,065 คะแนน) ทั้งสิ้น

3. พรรคการเมืองใดที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนน ต่อส.ส. 1 คนคือต่ำกว่า 71,065 คะแนน ซึ่งไม่มีจำนวน ส.ส.ที่พึงมี และไม่มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จะได้รับเบื้องต้น ตามมาตรา128 (3) ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรรจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตามมาตรา 128 (4) เพราะตามมาตรา 128 (4) ให้จัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้เฉพาะกับพรรคที่มีสิทธิจะได้รับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตามมาตรา 128 (3) เท่านั้น โดยให้จัดสรรเป็นจำนวนเต็มก่อน ถ้ายังไม่ครบ 150 คน จึงไปพิจารณาว่าพรรคใดมีเศษจากการคำนวณมากกว่ากัน

ดังนั้นเมื่อพรรคใดไม่มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จะได้รับเบื้องต้น ก็ไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรรดังกล่าว และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจากทุกพรรคที่มีคะแนนอยู่ในเกณฑ์ 71,065 คะแนนขึ้นไป มีจำนวน 152 คน เกินมา 2 คน จึงไม่ต้องไปพิจารณาเรื่องเศษจากการคำนวณ และไม่ต้องไปพิจารณาตามมาตรา 128 (6) ด้วยเช่นกัน

4. พรรคที่จะได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 128 (5) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ ต้องเป็นพรรคที่มี ส.ส.พึงมีเสียก่อน เนื่องจากการคำนวณตามมาตรา 128 (5) ต้องพิจารณาตามมาตรา 128 (2) เป็นหลักโดยจัดสรรภายใต้เงื่อนไขดังนี้

(1) ถ้าพรรคนั้นมี ส.ส.เขตเท่ากับ หรือสูงกว่าจำนวนส.ส.ที่พรรคนั้นพึงมี ตามมาตรา 128 (2) ให้พรรคนั้นมี ส.ส.ตามจำนวนที่ได้รับจาก ส.ส.แบบแบ่งเขต และไม่มีสิทธิได้รับจัดสรรแบบ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

(2) ให้นำ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไปจัดสรรให้แก่พรรคที่มี ส.ส.แบบแบ่งเขตต่ำกว่าจำนวน ส.ส.ที่พรรคนั้นจะพึงมี ตามมาตรา 128 (2)

(3) การจัดสรรข้างต้นต้องไม่มีผลให้พรรคนั้นมี ส.ส.เกินจำนวนที่พึงมีตามมาตรา 128 (2)

ดังนั้น ถ้าพรรคการเมืองใดไม่มี ส.ส.ที่พึงมี ตามมาตรา 128 (2) ตั้งแต่ต้น ก็ไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 128 (5) ได้

5. พรรคการเมืองที่มีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน ซึ่งเป็นพรรคที่ไม่มี ส.ส.พึงมี ตามมาตรา 128 (2) ไม่มีจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จะได้รับเบื้องต้นตามมาตรา 128 (3) ซึ่งไม่มีสิทธิจะได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 128 (4) และ (5) พรรคนั้นก็ย่อมไม่อยู่ในเกณฑ์จะได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 128 (7) เพราะพรรคเหล่านั้นไม่มีจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อที่จะได้รับมาตั้งแต่ต้น จึงไม่มีจำนวน ส.ส.ที่จะมาคูณกับจำนวน 150 และหารด้วยผลบวกของ 150 กับจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่เกิน 150 คนได้

ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้ว ไม่มีช่องทางใดเลยที่พรรคซึ่งมีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน จะได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มีหนังสือลงวันที่ 10 เมษายน 2562 ถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อให้ทบทวนการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเสียใหม่ให้ถูกต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไปแล้ว

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า หาก กกต.ยังยืนยันจะใช้สูตรเดิมในการคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคจะดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป โดยยอมรับว่า การส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นหนึ่งในช่องทางที่สามารถดำเนินการได้ แต่คงไม่นำไปสู่การที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ เพราะมองว่าเป็นคนละประเด็นกัน

ด้านนายภูมิธรรม ย้ำว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกันเป็นการยึดตามขั้นตอนกฏหมาย และการออกเป็นมติพรรค เพื่อให้ทราบว่า กกต.ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และทางพรรคจะดำเนินการเอาผิดในทุกช่องตามรัฐธรรมนูญและกฏหมายกำหนดไว้

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 21 เมษายนนี้ เวลา 10.00 น. โดยจะมีกรรมการบริหารพรรค, ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.แบบแบ่งเขต เข้าร่วมประชุม โดยวาระสำคัญจะมีการสรุปสถานการณ์ทางการเมืองทั้งหมด เพื่อให้ผู้สมัครและสมาชิกพรรครับทราบถึงทิศทางการดำเนินงานของพรรคหลังจากนี้ต่อไป โดยยืนยันว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะนำทุกนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนมาดำเนินการทันที แต่หากไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็จะดำเนินการตามศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ