นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการโอนหุ้นวี-ลัค มีเดียของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยยืนยันว่า การโอนหุ้นดังกล่าวมีผลทางกฎหมายเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ นายธนาธรและนางรวิพรรณ จึงรุงเรืองกิจ ภรรยาได้ดำเนินการโอนหุ้นให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาในวันที่ 8 ม.ค. โดยมีเอกสารคือตราสารโอนหุ้นพร้อมการลงนามรับรองของทนายรับรองเอกสาร (Notary Public) พร้อมใบหุ้นรับรองว่าได้มีการโอนหุ้นกันเกิดขึ้นจริง และช็คขีดคร่อม ซึ่งได้มีการบันทึกลงไว้อยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นสมบูรณ์เรียบร้อย เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 ที่ระบุให้การโอนหุ้นจะมีผลสมบูรณ์เมื่อมีการทำเป็นหนังสือ และมีการลงนามโดยผู้โอนหุ้นกับผู้รับโอนหุ้นและมีหมายเลขหุ้น และวรรค 3 ที่ว่าการโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งในคำพิพากษาศาลฎีกาก็มีการกำหนดเป็นแนวทางไว้แล้ว ว่าเมื่อใดก็ตามที่มีการจดแจ้งในทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้ว ถือว่ามีผลต่อบุคคลภายนอกแล้ว
"ดังนั้นกรณีนี้จึงชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่าคุณธนาธรและคุณรวิพรรณได้ทำการโอนหุ้นสมบูรณ์ มีผลทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว นับแต่วันที่ 8 มกราคม คุณธนาธรจึงไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทวี-ลัคมีเดียอีกต่อไป เรื่องนี้ควรจะจุดฟูลสต๊อปจบได้แล้ว มีผลทางกฎหมาย ผูกพันผู้โอน ผู้รับโอน และบุคคลภายนอกบริษัทสมบูรณ์แล้ว" นายปิยบุตร กล่าว
ส่วนการที่นายธนาธรปรากฏตัวอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ในวันที่ 8 ม.ค.ที่ระบุว่ามีการโอนหุ้นนั้น นายปิยบุตร ระบุว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ร่วมปราศรัยกับนายธนาธรที่ อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ จากนั้นนายธนาธรขึ้นรถกลับมาที่กรุงเทพก่อนจบการปราศรัยของพรรคในช่วงบ่ายของวันที่ 8 ม.ค.เพื่อมาจัดการเรื่องโอนหุ้น ขณะที่ตนเองยังปราศรัยอยู่ โดยมีหลักฐานการจ่ายเงินค่าทางด่วนอีซี่พาสชัดเจน ก่อนเดินทางออกจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบินไป จ.นครศรีธรรมราชในวันที่ 9 ม.ค.และมีหลักฐานตั๋วเครื่องบินยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าคืนวันที่ 8 ม.ค.นายธนาธรอยู่ที่กรุงเทพ เพื่อทำธุระเรื่องการโอนหุ้นจริง
หลังจากนั้น ในวันที่ 14 ม.ค.62 นางสมพรได้โอนหุ้นให้เป็นของหลานชาย โดยมีเอกสารหลักฐานเป็นตราสารโอนหุ้นและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น โดยเหตุผลคือจากเดิมที่ตั้งใจจะปิดบริษัทตั้งแต่ปี 61 แต่เนื่องจากบริษัทยังมีลูกหนี้ที่หนี้ค้างชำระกับบริษัทอยู่กว่า 11 ล้านบาท นางสมพรจึงทำตามคำแนะนำของฝ่ายบัญชีบริษัทว่าควรจัดการสะสางเรื่องหนี้สินนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงได้โอนหุ้นให้หลานชายเพื่อให้มาทดลองทำธุรกิจด้วย
จากนั้นในวันที่ 19 มี.ค.62 ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทวี-ลัคมีเดียครั้งที่ 1/62 มีผู้ถือหุ้นเข้าประชุม 10 คน โดยมีผู้ถือหุ้นเข้าประชุมด้วยตัวเอง 4 คน ที่เหลืออีก 6 คนมอบอำนาจให้ผู้ถือหุ้นอีก 4 คนเข้าประชุมแทน โดยวาระการประชุมคือแจ้งการลาออกของนางรวิพรรณและแจ้งปิดกิจการ เนื่องด้วยฝ่ายบัญชีบริษัทมาตรวจสอบทราบทีหลังว่าหนี้สินที่มีลูกหนี้คงค้างกับบริษัทนั้น เป็นหนี้ NPL คือลูกหนี้หมดศักยภาพในการใช้หนี้แล้ว นายทวีและนายปิติซึ่งเป็นหลายชายของนางสมพรจึงได้มีการโอนหุ้นกลับมาให้นางสมพรอีกครั้ง เพื่อดำเนินการปิดกิจการเมื่อวันที่ 21 มี.ค.62 โดยมีหลักฐานเป็นตราสารการโอนหุ้นและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
จากนั้น บริษัทวี-ลัคมีเดียจึงได้ยื่นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นตาม บอจ.5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 21 มี.ค.62 โดยเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ระบุให้มีการยื่นปีละหนึ่งครั้ง ภายใน 14 วันหลังการประชุมผู้ถือหุ้น และที่มีการยื่นในวันที่ 21 มีนาคม ก็เพราะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 มี.ค.เป็นการกระทำที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายทั้งหมด
"ถ้าพิจารณากันด้วยจิตใจเป็นธรรม เอกสารและหลักฐานการโอนหุ้นต่างๆเมื่อวันที่ 8 มกราคมปี 62 หลักฐานทางกฎหมายข้อเท็จจริงครบถ้วน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาตั้งกรรมการสอบสวน แล้วพอตั้งกรรมการสอบสวน ตั้งกรรมการช่วยตรวจสอบขึ้นมา มีการไปขอเอกสารจากหน่วยงานนู้นหน่วยงานนี้เต็มไปหมด แต่ไอ้คนที่ถูกกล่าวหาเนี่ยยังไม่เคยได้รับโอกาสให้ชี้แจงเลย" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า หวังว่าทาง กกต.จะมีความเป็นธรรม และหากพิจารณาตามเอกสารหลักฐานทั้งหมด ควรจะเห็นได้ว่ามีความสมบูรณ์พอแล้วที่จะชี้ว่าเรื่องนี้ไม่มีมูลดังที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ เมื่อทาง กกต.ยังไม่เคยเปิดโอกาสให้พรรคอนาคตใหม่ชี้แจง ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคก็จะขอนำเอกสารทั้งหมดที่ตนชี้แจงในวันนี้ไปยื่นให้ กกต.ด้วยตนเอง และหวังว่าทาง กกต.จะรับไว้พิจารณาก่อนที่จะมีการชี้มูล