น.ส.พัสวี ภัทรพุทธา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 กทม.พรรคอนาคตใหม่ และนายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากที่เคยยื่นไปเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้นับคะแนนใหม่ในเขต 2 กทม.ทั้งเขตเลือกตั้ง
โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้ผ่านมา 1 เดือน กกต.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยที่ผ่านมา น.ส.พัสวี ได้ไปขอผลคะแนนรายหน่วยทุกหน่วยของเขตเลือกตั้งดังกล่าว มาเปรียบเทียบกับภาพที่ประชาชนถ่ายใบรายงานผลที่ติดไว้หน้าหน่วยเลือกตั้ง พบว่ามีความผิดปกติในหลายหน่วย แยกได้เป็น 4 กรณี ดังนี้
1.การนับคะแนนในวันเลือกตั้งที่ 24 มี.ค. เมื่อประชาชนพบความผิดปกติ และได้มีการทักท้วง กรรมการนับคะแนนจึงได้มีการแก้ไข 2.ใบรายงานผล ส.ส.5/18 มีบางหน่วยไม่ตรงกับใบขีดคะแนน (ส.ส. 5/11) 3.พบว่าใบรายงานผล ส.ส.5/18 ที่ติดอยู่หน้าหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงกับใบ ส.ส.5/18 ที่ กกต.เขตมอบให้กับผู้สมัครภายหลังที่ไปขอคัด 4.พบว่าใบ ส.ส.5/18 ที่ กกต.เขต มอบให้กับผู้สมัครภายหลังที่ไปขอคัด พบว่ามีการขีดฆ่าแก้ไข ไม่มีการเซ็นชื่อรับรองโดยกรรมการนับคะแนน และน่าสงสัยว่าในบางจุดอาจมีการเขียนเพิ่มเติมในภายหลัง
"ดังนั้น จึงขอให้นับคะแนนใหม่ทั้งเขต เพราะการเลือกตั้งผ่านไปเดือนกว่าแล้ว ยังมีหลายกรณีที่ประชาชนสงสัย ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าไม่สุจริต อยากให้ กกต.เร่งดำเนินการตรวจสอบและสั่งนับคะแนนใหม่ทั้งเขตเลือกตั้ง" นายชัยธวัชระบุ
ขณะที่นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส. เขต 13 กทม. พรรคเพื่อไทย ได้มายื่นเอกสารหลักฐานต่อ กกต.เพิ่มเติม จากที่ก่อนหน้านี้ มาร้องเรียนว่าบัตรเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ 32 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เขตเลือกตั้งที่ 13 กทม. ซึ่ง กกต.สั่งให้เลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 21 เม.ย.สูญหายไป 180 ใบ แล้วได้รับการชี้แจงจากสำนักงาน กกต. เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) ที่มีเอกสารรายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส.5/18 ระบุว่าหน่วยดังกล่าวมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 968 คนนั้น
นายตรีรัตน์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ กกต.ที่เร่งชี้แจงกรณีคำร้องของตนเอง แต่จากการตรวจสอบเอกสารการเลือกตั้งหน้าหน่วย (ส.ส.5/5) พบว่า ในเอกสารระบุจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยดังกล่าว 841 คน ซึ่งตนได้ถ่ายรูปจากหน้าหน่วยเลือกตั้งในช่วงเช้า แตกต่างจากเอกสารรายงานผลการเลือกตั้งของ กกต. (ส.ส.5/18) ที่ระบุว่าหน่วยดังกล่าวมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 968 คน ไม่ตรงกับที่ระบุไว้หน้าหน่วย ทั้งที่เป็นหน่วยเดียวกัน จำนวนผู้มีสิทธิกลับไม่เท่ากัน ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ รวมถึงลายเซ็นและชื่อของประธานกรรมการประจำหน่วยก็ไม่ตรงกันในเอกสารทั้งสอง ดังนั้นไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีประธาน 2 คน แล้วจะให้ยึดตามเอกสารใด หลังจากนี้ก็จะไปยื่นเรื่องดังกล่าวนี้ ต่อ กกต. กทม.ด้วยต่อไป