พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation - BRF) ครั้งที่ 2 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า นายกรัฐมตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นในการเยือนจีนครั้งนี้ และยินดีที่ได้เข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation - BRF) ครั้งที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของจีนและประเทศผู้เข้าร่วมอื่น ๆ ในการสนับสนุนข้อริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของไทยที่ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงในภูมิภาค ไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างจีน ประเทศกลุ่ม ACMECS และอาเซียน นายกรัฐมนตรีหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ดิจิทัล เทคโนโลยีและนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานระหว่างกัน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้นำจีนที่พัฒนาและปฏิรูปประเทศจนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจีน ไทยหวังว่าจะได้ร่วมมือกับจีนเพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันต่อไป
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยผู้นำไทยและจีนต่างยินดีที่ทั้ง 2 ประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิด และผลักดันความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่รอบด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงให้มีผลเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีน ในการรับเสด็จพระราชวงศ์และการต้อนรับการเยือนระดับสูงของไทยในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวเชิญนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) ครั้งที่ 14 ที่ประเทศไทยด้วย
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่า ไทยและจีนยังมีศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจได้อีกมาก เพื่อบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ตั้งไว้ที่ 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยยินดีอย่างยิ่งที่มีส่วนสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติ (China International Import Expo) ครั้งที่ 1 และไทยพร้อมเข้าร่วมงานดังกล่าวในปีต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวเชิญชวนผู้ประกอบการของจีนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Made in China 2025 ของจีนด้วย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, หุ่นยนต์, การซ่อมบำรุงอากาศยาน, ระบบราง เป็นต้น ในส่วนของความร่วมมือโครงการรถไฟไทย - จีน นายกรัฐมนตรียินดีที่มีการลงนามบันทึกความร่วมมือเส้นทางเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างหนองคายและเวียงจันทน์ พร้อมเน้นย้ำว่าไทยได้เร่งรัดให้โครงการรถไฟไทย - จีน ให้คืบหน้าตามกำหนด จึงขอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับความร่วมมือ 3 ฝ่าย (ไทย - จีน - ญี่ปุ่น) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า การพัฒนาโครงการ EEC จะเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค รวมทั้งเป็นประตูเชื่อมโยงจีนผ่านเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า และเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียงต่อไป นายกรัฐมนตรีเชิญชวนจีนให้นำคณะเข้ามาศึกษาดูงานในพื้นที่ EEC ใน 12 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยไทยมีสิทธิประโยชน์ให้แก่นักลงทุนต่างชาติในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร การถือครองกรรมสิทธิในที่ดิน เป็นต้น
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยในฐานะประธานอาเซียน ได้ให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์ความเป้นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน - จีน ค.ศ. 2030 ซึ่งจะเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและส่งเสริมความร่วมมือบนผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ภายในปีนี้ ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยไทยยินดีที่จีนตอบรับเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรี RCEP สมัยพิเศษในเดือนสิงหาคมปีนี้ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนปีการแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนอาเซียน - จีน ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างความเข้าใจในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ ผ่านการร่วมผลิตภาพยนตร์และสารคดี กิจกรรมสัมมนาสื่อมวลชนอาเซียน - จีน เป็นต้น