นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคฯ เดินทางถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเข้าให้ถ้อยคำกรณีการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หลังจาก กกต.ส่งหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาไปให้นายธนาธร ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าสำนักงาน กกต.ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้มีประชาชนที่เป็นกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาให้กำลังใจนายธนาธร เป็นจำนวนมาก โดยบางส่วนใส่เสื้อสีส้มสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ และบางส่วนใส่เสื้อขาวสกรีนคำว่า"เราคือผู้แทนราษฎร"พร้อมกับชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 100 นาย
ทั้งนี้ นายธนาธร เปิดเผยว่า ได้นำหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ที่ดำเนินการไปเมื่อวันที่ 8 ม.ค.62 ก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จำนวน 26 รายการมาแสดงต่อ กกต.พร้อมกับหลักฐานประกอบอื่นๆ เพื่อชี้แจงข้อกล่าว
ส่วนหลักฐานที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกใบสั่งข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดในวันที่ 8 ม.ค.ระหว่างเดินทางกลับจากบุรีรัมย์มายังกรุงเทพมหานครนั้นได้นำมาแสดงไปแล้ว นอกจากนี้ระหว่างเดินทางมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายรายไปคอยอำนวยความสะดวกให้คณะด้วย ซึ่งมีการเก็บภาพไว้ และเชื่อว่าเป็นหลักฐานได้
นายธนาธร กล่าวว่า การมาชี้แจงครั้งนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แต่ชี้แจงด้วยความมั่นคง ยืนหยัดกับข้อเท็จจริง และเชื่อมั่นว่าในวันที่ 9 พ.ค.62 จะได้รับประกาศรับรองเป็น ส.ส. เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่เชื่อมั่น
"คนที่ตั้งคำถามกับผม ไม่เคยมีใครเอาหลักฐานใด ๆ ที่พิสูจน์เป็นอื่นนอกจากที่เราได้แถลงไปแล้วได้เลย ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงต้องบอกว่าเป็นความพยายามที่จะหยิบเอาประเด็นเล็กประเด็นน้อยมาตั้งข้อสงสัย และพูดซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คนในสังคมเข้าใจผิดกันไปหมด แต่ถ้าสู้กันด้วยข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีใครมีหลักฐานมาหักล้างเราได้เลย"นายธนาธร กล่าว
"ผมและนายปิยบุตรมีความมั่นใจมากในการชี้แจงกับ กกต. ครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่า กระแสที่ถูกปลุกขึ้นมา ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่จะมาหักล้างหลักฐานที่เราได้ยืนยันต่อสาธารณะไปก่อนหน้านี้" นายธนาธร กล่าว
ส่วนกรณีมีผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ 11 ราย ถูกร้องต่อกกต. ให้ตรวจสอบกรณีถือหุ้นสื่อนั้น นายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มีข้อมูลอยู่ในมือว่า มีผู้สมัคร ส.ส. พรรคอื่นอีกมากมายที่มีลักษณะเดียวกัน ถ้าใช้บรรทัดฐานนี้ส.ส. ทุกพรรคคงหายไปหมด
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า ปัญหาที่ใหญ่สุดคือเรื่องผลทางกฎหมายของการโอนหุ้น ซึ่งเรื่องนี้พยานหลักฐาน ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง แนวคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดสนับสนุนยืนยันชัดเจนว่านายธนาธรไม่ได้ถือหุ้นสื่อแล้วในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง แต่ข้อเท็จจริงหลังจากนั้นจำเป็นต้องชี้แจงเพิ่มเติมทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเรื่องของการพิจารณาเลย เนื่องจากมีสำนักข่าวรายหนึ่งตามถามไม่จบไม่สิ้น และเขียนข่าวไปในลักษณะชี้ชวนให้คนเข้าใจผิด เราเลยต้องชี้แจงเพิ่มเติมเท่านั้นเอง แต่หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ว่าการโอนหุ้นสำเร็จตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.62
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือเราทราบอยู่ก่อนแล้วว่าคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัครห้ามถือครองหุ้นสื่อ เมื่อทราบจึงรีบแจ้ง และรีบจัดการทันที ที่ไม่ได้ดำเนินการก่อนหน้านั้นด้วยเหตุผลว่าเราไม่ทราบว่าจะมี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด กำหนดการถูกเลื่อนไปเรื่อย เมื่อตรวจสอบพบจึงต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด
นายปิยบุตร ยังได้กล่าวถึงกรณีของผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ 11 คนที่ถูกร้องเช่นเดียวกันว่า ทั้ง 11 คนนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะมีหลายกรณีที่มีการปิดบริษัทไปแล้ว เสร็จการชำระบัญชีไปแล้ว ขณะที่หลายกรณีโอนเรียบร้อยก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง
"ฝากไปถึงผู้ที่ร้องเรียน เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้หากร้องเรียนเป็นเท็จมีเป้าประสงค์ต้องการให้ผู้สมัครรายอื่น ๆ ถูกเพิกถอนสิทธิ หรือถูกใบเหลือง ใบแดงใด ๆ ก็ตาม คนร้องเรียนมีโทษตาม มาตรา 143 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. การทุจริต และมีเหตุแจ้งเล่นงานเขาเป็นเท็จ เพื่อมุ่งหมายให้ผู้สมัครใด ๆ ถูกเพิกถอนสิทธิ เป็นเหตุฉกรรจ์ด้วย โทษสูงสุดถึงจำคุก และมีโทษปรับด้วย รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ขอให้นักร้องเรียนทั้งหลายระวังเรื่องนี้ด้วย" นายปิยบุตร กล่าว