นายราเมศ รัตนะเชวง รักษาการกรรมการบริหาร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ค้านมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จัดสรรเก้าอี้ให้กับพรรคการเมืองขนาดเล็กซึ่งได้รับคะแนนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยพึงมี โดยอ้างไม่อยากให้มีคะแนนตกน้ำ แต่กลับทำให้คะแนนของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ตกทะเลนับล้านคะแนน โดยจะยื่นฟ้อง กกต. ทั้งในนามส่วนตัวและพรรค
โดยพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเกินคะแนนเฉลี่ย ส.ส.พึงมีคือกว่า 7.1 หมื่นคะแนนนั้น มีเพียง 16 พรรค และการออกมาชี้แจงครั้งนี้ไม่ได้เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อรักษาความถูกต้องของกฎหมาย
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามแนวทางของ กกต.เพราะเป็นวิธีการคำนวณที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจากพรรคที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมี ไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128(5) และรัฐธรรมนูญมาตรา 91(4) จะอ้างว่าจัดสรรตามมาตรา 128(6) ไม่ได้ เพราะเป็นการข้ามขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม 128(5) ไป
"กกต.ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิของผู้ที่ได้รับผลกระทบบ โดยพรรคและผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะดำเนินการเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป เพื่อตามหาความสุจริตและเที่ยงธรรม" นายราเมศ กล่าว
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร ในฐานะอดีต กกต. กล่าวว่า การใช้สูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ กกต.ที่ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่จัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองขนาดเล็กที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมี ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย จะขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91(4) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 128(5) ที่ระบุว่า ให้นำจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งต่ำกว่าจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองดังกล่าวมี ส.ส.เกินกว่าจำนวนที่พึงจะมีได้
โดยหากยึดหลักตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด พรรคเล็กอันดับที่ 17-21 รวม 11 พรรค ที่มีคะแนนตั้งแต่ 33,754 - 68,973 คะแนน ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยที่พึงจะมี ส.ส. 1 คน คือ 71,168.5141 คะแนน จะไม่ได้จัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
ในการแถลงข่าวนายสมชัย ได้ใช้เอกสารข่าวของสำนักงาน กกต.ที่ 61/2562 ในส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 14 หน้า มาเป็นหลักในการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยตั้งข้อสังเกตว่า การคำนวณตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 129 และ 128 ของ กกต.นั้นถูกต้องตั้งแต่หน้าที่ 1-7 แต่ในหน้าที่ 8 ขาดผลลัพธ์ตารางการคำนวณที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 128(5) คือต้องตัดพรรคการเมืองที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมีออกไป แต่เมื่อไม่ตัดออกก็ทำให้ได้ผลลัพธ์จากการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่แตกต่างออกไป ทำให้ทุกตารางหลังจากนั้น ไม่สามารถนำมาใช้ในการคำนวณได้
โดยการคำนวณที่ถูกต้องจะมี 16 พรรคการเมืองที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่จะมีเพียง 14 พรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเกินกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี และพรรคประชาชาติได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตเท่ากับจำนวน ส.ส.พึงมี จึงไม่มีสิทธิได้ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก
โดย 14 พรรคที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 20 คน พรรคอนาคตใหม่ 54 คน พรรคประชาธิปัตย์ 21 คน พรรคภูมิใจไทย 13 คน พรรคเสรีรวมไทย 11 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 5 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน พรรคเพื่อชาติ 5 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 คน พรคชาติพัฒนา 2 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และพรรคพลังชาติไทย 1 คน รวม 149 คน
"ผลที่เกิดขึ้นจากการคำนวณของผม ที่ปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอน แตกต่างจาก กกต. ซึ่งพรรคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อนาคตใหม่หายไป 4 คน พลังประชารัฐหายไป 2 คน ประชาธิปัตย์หายไป 2 คน ภูมิใจไทยหายไป 1 คน เสรีรวมใจไทย และชาติไทยพัฒนาหายไปพรรคละ 1 คน" นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้หากนำผลจากการคำนวณตามแนวทางของตนมาใช้ จะทำให้แต่ละพรรคได้ ส.ส.ทั้ง 2 ระบบดังนี้ พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. 117 คน พรรคเพื่อไทย 136 คน พรรคอนาคตใหม่ 84 คน พรรคประชาธิปัตย์ 54 คน พรรคภูมิใจไทย 52 คน พรรคเสรีรวมไทย 11 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 11 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน พรรคประชาชาติ 6 คน พรรคเพื่อชาติ 5 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 6 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และพรรคพลังชาติไทย 1 คน รวม 498 คน
"กกต.คำนวณตามมาตรา 128 ผิด ท่านหายไป 1 ขั้นตอน จะโดยตั้งใจหรือไม่ ไม่รู้ เพราะข้ามขั้นตอนในมาตรา 128(5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. คนที่มีส่วนได้เสียก็ต้องไปคิดว่าจะใช้สิทธิดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ในเอกสาร กกต.มี 14 หน้า ทำถูกแค่ 7 หน้า ได้คะแนนแค่ 50% ในการทำการบ้านข้อนี้ ทั้งที่มีคนแนะนำแล้วยังทำผิด สมควรได้คะแนนต่ำกว่า 50%" นายสมชัย กล่าว