พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลโดยมีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยร่วมอยู่ด้วยว่า ตนเองไม่สามารถตอบได้ เพราะยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมีขึ้นภายหลังขั้นตอนการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
พร้อมย้ำว่าตนเองและรองนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และให้เกียรติกับพรรคการเมือง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมือง และตนเองได้รับฟังนโยบายและแนวคิดดีๆมาโดยตลอด
"ผมตอบไม่ได้เพราะผมยังไม่ใช่นายกรัฐมนตรี คนที่จะตั้งรัฐบาล หรือครม. คือใคร ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ใช่หรือ แล้วผมเป็นหรือยัง เมื่อยังไม่เป็นก็พูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของนายกฯท่านใหม่ ที่จะมาในขั้นตอนหลังจากเปิดสภาฯไปแล้ว ยังไม่มีการเปิดสภาฯ ไม่มีการเลือกประธาน ไม่มีการเลือกนายกฯแล้วผมจะไปตอบแทนใครได้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องพรรคการเมืองและนักการเมืองดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งตนเองให้เกียรติทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน และเคารพเสียงประชาชน แต่หากทุกคนพูดกันไปมาคล้ายกับการตีปิงปอง จนทุกอย่างเลวร้ายไปหมด ก็ไม่ทำให้เกิดผลดีกับประเทศชาติ และประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีความสุข ต่างชาติก็ขาดความเชื่อมั่น
ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เตรียมร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาร่วมพิจารณาจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็สามารถยื่นร้องได้ ตนเองไม่ได้ห้าม แต่ต้องดูข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องเรียนหลายเรื่อง ตนเองก็ไม่เคยไปตอบโต้และให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์รายชื่อ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนที่ออกมาไม่แตกต่างอะไรกับสภาผัวเมีย ที่เคยกล่าวหาฝ่ายการเมืองไว้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเอาไปเทียบกัน ต้องไปดูว่า สภา 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับสภาก่อนหน้า ทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสภาชุดนี้ได้ออกกฎหมายไปแล้ว กว่า 500 ฉบับ แต่เมื่อเทียบกับสมัยก่อนออกได้เพียงกี่ฉบับ จึงอย่าเอาไปเปรียบกัน