พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชน ในการพบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลใน 5 ปีที่ผ่านมา มีความคาดหวังให้สำเร็จในหลายเรื่อง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา จึงไม่สามารถสำเร็จได้ทั้งหมดในวันนี้ ซึ่งหวังว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อในสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ทำไว้ อย่างไรก็ดี ถือว่าพอใจการทำงานในช่วงที่ผ่านมา เพราะหลายเรื่องสามารถขับเคลื่อนไปได้
ส่วนกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมาในขณะนี้ เป็นเรื่องของทางการเมืองของแต่ละพรรคจะเสนอขึ้นมา แต่สิ่งสำคัญ คือต้องสนใจเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองต่างๆ โดยเห็นว่าหลายพรรคมีนโยบายที่ดี และเชื่อว่าทุกคนก็มีเจตนาทำเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นจึงขอให้ทำจริงตามเจตนาที่วางไว้ และขออย่ามองว่าการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ให้มองว่าแต่ละคนจะเข้ามาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีได้อย่างไร ท่ามกลางประชาชนที่จ้องมองอยู่ และการทำงานของรัฐบาลชุดหน้า ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ถูกต้อง
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า งานกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง ควรจะอยู่กับพรรคการเมืองหลักที่จัดตั้งรัฐบาล โดยอย่ามองเป็นเรื่องของการหวงตำแหน่งหรือผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องการทำงานที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลหน้าหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ส่วนตัวยอมรับว่าอยากให้เข้ามาช่วยงาน เพราะถือเป็นบุคคลที่ไว้ใจ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร รวมถึงปัญหาสุขภาพด้วย ส่วนผู้ที่จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น จะต้องมีความรู้เรื่องของสภาฯ และทำงานอย่างถูกต้องตามครรลองของกฎหมายด้วยความเป็นธรรม และมีความยุติธรรม
ส่วนการดูแลด้านเศรษฐกิจ จะให้ทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทำงานต่อหรือไม่นั้น คงต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนายสมคิด ที่ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ส่วนนายสมคิดจะรับตำแหน่งต่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนายสมคิดจะตัดสินใจ อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ในส่วนงานด้านเศรษฐกิจนั้น พรรคร่วมรัฐบาลสามารถเข้ามาช่วยทำงานในตำแหน่งต่างๆ ได้
"ทุกคนทำงานเต็มที่ มันเดินมาเป็นจังหวะ เป็นขั้นเป็นตอน ทั้งอดีต ปัจจุบัน และทำอนาคตกับผม ก็สุดแล้วแต่จะว่ากันอย่างไร...ถ้าทุกคนมุ่งเป็นนายกฯ มุ่งเป็นรัฐมนตรี ก็มีตำแหน่งเดียว ช่วงนี้ว่าไปก่อนให้ต่อเนื่อง จะเปลี่ยนแปลง ปรับตรงไหนก็ว่าไป"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากได้กลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ไม่มีอำนาจตาม มาตรา 44 ก็ยืนยันว่าสามารถทำงานได้ เพราะมีกฎหมายที่ใช้การดูแลเรื่องต่างๆ อยู่ และที่ผ่านมา มาตรา 44 ก็ใช้เพื่อปลดล็อค ปรับปรุงประสิทธิภาพทางราชการ และดำเนินการกับผู้กระทำผิด ส่วนการชุมนุมก็มี พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ใช้สำหรับดูแล ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจก็ต้องดูแลการชุมนุมทำให้เกิดความเหมาะสม
ส่วนอายุของรัฐบาลชุดหน้า ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน ส่วนความกังวลว่าหากตั้งรัฐบาลด้วยคะแนนเสียงปริ่มน้ำ จะทำให้อายุรัฐบาลอยู่ได้ไม่นานนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน หากผลงานออกมาดี ก็จะมีส่วนช่วยให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่พรรคอนาคตใหม่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 ว่า ขอให้ดูว่าอยู่ฝ่ายไหน แต่ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้รังเกียจใคร ซึ่งสื่อมวลชนก็รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทุกอย่างก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความยินดีกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ โดยมองว่าทุกคนมีเจตนารมณ์ที่จะทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการทำงานในรัฐบาลชุดใหม่จะไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายและเชื่อว่านักการเมืองทุกคนทราบดีว่าการเข้ามาทำงาน จะต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ไม่ได้เป็นการเข้ามาถอนทุนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันลดความขัดแย้งในสื่อโซเชียล และทุกคนต้องเคารพในกฎหมาย และขออย่าใช้ช่องทางของกฎหมายมาสร้างความขัดแย้ง
ส่วนการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจะแต่งตั้งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นผู้แทนพิเศษรัฐบาล ในการเข้าร่วมประชุม
ท้ายสุด นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ครอบครัวมีความห่วงใยในการทำหน้าที่นี้ แต่พร้อมให้กำลังใจเสมอมา และแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานการเมืองต่อ ก็จะไม่เปิดตัวครอบครัว เพราะต้องการให้มีความเป็นความเป็นส่วนตัว ยืนยันว่าตนเป็นคนอารมณ์ดี ตลก อยากพบสื่อฯทุกวัน และในอนาคตอาจจะมีการแต่งเพลงเพื่อเตือนใจประชาชนทุกคนให้รักประเทศชาติอีก ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะบอกสื่อฯว่า "ฉันรักเธอ ไม่มีวันสิ้นสุด" และยึดคติประจำใจที่ว่า "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"