นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า นโยบายด้านการเกษตรถือเป็นภารกิจสำคัญ ของ พปชร. ที่ต้องขับเคลื่อนเร่งด่วน เพื่อคลี่คลายวิกฤตความเดือดร้อนของประชาชน เนื่องจากในการหาเสียงที่ผ่านมาได้สัมผัสและรับฟังปัญหาของเกษตรกรมาตลอด ดังนั้นจึงควรมีคนของ พปชร.เข้ารับตำแหน่งรมว.เกษตรฯ ส่วนบุคคลใดเหมาะสมนั้น ถือเป็นอำนาจของนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ภายใน พรรค พปชร. มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับกระแสข่าวแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พปชร.ควรได้กระทรวงสำคัญที่ดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ริเริ่มไว้หลายโครงการ รวมทั้งการแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน หาก พปชร.ไม่ได้ดูแลกระทรวงที่สามารถทำงานเข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริงจะเกิดปัญหาในระยะยาว เพราะจะไม่สามารถทำงานตามที่รับปากกับประชาชนได้
ดังนั้น ผู้ใหญ่ในพรรคต้องให้ความสำคัญว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ หากจะทำการเมืองต่อไปต้องดูแลภาคเกษตร ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ พืชผลทางการเกษตร ส.ป.ก.4.0 ซึ่ง ส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย เพราะเราเคยหาเสียงไว้ หากไม่ได้ดูแลกระทรวงสำคัญ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ไม่สามารถผลักดันโครงการต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
"อยากฝากไปยังนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ผู้ได้รับมอบหมายให้ประสานจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า เราในฐานะแกนหลักของรัฐบาลต้องได้ดูแลกระทรวงสำคัญต่างๆ เพื่อสานงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งขับเคลื่อนงานนโยบายที่หาเสียงไว้"
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า การจัดโผคณะรัฐมนตรีแต่ละพรรคยังคงเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้าง และไม่ยืนยันว่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องของการสรรหาตัวบุคคล ความเหมาะสมของเนื้องาน และนโยบายของรัฐบาล
ขณะนี้ทุกพรรคอยู่ระหว่างการพิจารณาวางตัวบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้รับโควตาจัดสรรไปแล้ว หลังจากนั้นจะส่งรายชื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของพล.อ.ประยุทธ์สามารถทำได้ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
"ช่วงเช้าได้พูดคุยกับพรรคร่วมอื่นๆแล้ว ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่มีปัญหาใดๆ และไม่มีอะไรที่น่ากังวล ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามที่ได้วางไว้"นายพุฒิพงษ์ กล่าว
ส่วนการโหวตสวนมติของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยนั้น นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่าถือเป็นเรื่องภายในของพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องไปแก้ปัญหากันเอง แต่คงไม่ได้ส่งผลกระทบกับโควตารัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย