นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมในการจัดทำนโยบายรัฐบาล กล่าวว่า ในการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น พรรคพลังประชารัฐจะเน้นในเรื่องนโยบายหลักของทุกพรรคเป็นสำคัญมากกว่าการจัดแบ่งโควตาตามกระทรวง เพื่อให้เกิดการบริหารงานที่ตรงกับนโยบาย และแนวทางรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการเจรจาร่วมกันกับทุกพรรคร่วมให้ได้องค์ประกอบที่ลงตัว เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่ายโดยเร็ว เพื่อให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยที่มั่นคงตามที่ประชาชนรอคอยให้เข้ามาแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป
"ในฐานะพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำงานอย่างเป็นเอกภาพ และประสานสอดคล้องของกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเกิดความคล่องตัว ประสานสอดคล้อง ในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงการชะลอตัวและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องพึ่งพาความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการทำงานของรัฐบาล โดยผลักดันนโยบายที่พี่น้องประชาชนเรียกร้องให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น การขยายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลราคาและการหาตลาดให้กับสินค้าเกษตร การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ที่ดินส.ป.ก.ตลอดจนการเร่งรัดลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมแห่งอนาคต การสร้างงาน การสนับสนุนและยกระดับ SME การพัฒนาอุตสาหกรรมในยุค 4.0 และการขับเคลื่อน EEC เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งเรื่องการแบ่งกระทรวงระหว่าง พปชร.กับพรรคร่วมรัฐบาลว่า ถือว่าเป็นสีสันในทางการเมืองอยู่ในระดับหนึ่ง เชื่อว่าในทางการเมืองสุดท้ายก็มีข้อยุติ
"สิ่งสำคัญคือ เราเห็นร่วมกันว่าจะมาขับเคลื่อนประเทศด้วยกัน เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ส่วนการเจรจามันมีเป็นปกติ ส่วนตัวคิดว่าอย่างนั้น ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรเชื่อว่าเดี๋ยวก็มีข้อยุติ" นายอุตตมกล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่าการเจรจาจบแล้วนั้น นายอุตตม กล่าวว่า บางส่วนจบแล้ว บางส่วนจะพูดคุยกันต่อ เรื่องพวกนี้พูดคุยกันได้